สธ.เปิดแนวทางรักษา “โควิด-19” อาการดี อยู่ครบ 14 วัน ไม่จำเป็นต้องตรวจเชื้อซ้ำก่อนออก รพ.
เกาะติดโควิด-19 เมื่อวันที่ 16 เมษายน ที่ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ และ นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค แถลงความคืบหน้าของสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19
นพ.ณัฐพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้แนวทางปฎิบัติการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 กำหนดว่าหลังจากที่มีการตรวจวินิจฉัยด้วยการตรวจทางห้องปฏิบัติการด้วยวิธี RT-pcr คือการนำสารคัดหลั่งของผู้ป่วยไปหาสารพันธุกรรมของไวรัส หากผลออกมาว่ามีการติดเชื้อ ก็จะมีการพิจารณาให้ยาในหลายระดับพร้อมกับการเฝ้าดูการตอบสนองต่อยาของผู้ป่วย หากมีอาการดีขึ้นก็จะทำการตรวจซ้ำ และถ้าหากมีอาการที่ดีขึ้นต่อเนื่อง และเป็นผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง ไม่จำเป็นต้องตรวจซ้ำก่อนออกจากโรงพยาบาล (รพ.)
“ตามแนวทางปฎิบัติของ สธ. ระบุว่าก่อนกลับบ้านไม่จำเป็นต้องตรวจซ้ำเพราะเราเชื่อว่า ข้อมูลทางการแพทย์ในวันนี้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อบวกแล้ว หากได้รับการรับยาหลังจาก 8 วันขึ้นไปแล้ว เชื้อไม่สามารถทำให้เกิดอันตรายได้แล้ว แต่ยังมีบางรายงานที่ระบุว่า เชื้อสะสมในคนได้ 20-29 วัน เป็นเพียงข้อมูลส่วนน้อยที่ยังต้องติดตามและวิจัยอยู่ แต่ในแนวทางของบ้านเราไม่จำเป็นต้องไปตรวจซ้ำ หากผู้ป่วยอาการดีขึ้นและได้รับยาครบกำหนด ตามที่แพทย์ได้สั่งการ” นพ.ณัฐพงศ์ กล่าว
นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล
ด้าน นพ.อนุพงศ์ กล่าวว่า มาตรฐานในการดูแลผู้ป่วยของประเทศไทย คือ ผู้ป่วยจะต้องอยู่กับบุคลากรทางการแพทย์อย่างน้อย 14 วัน เช่น การอยู่ใน รพ. การอยู่ในหอผู้ป่วยเฉพาะโควิด-19 (Cohort ward) รวมถึงการอยู่ที่ฮอสปิเทล (hospitel) แต่หลังจากนี้ผู้ป่วยจะต้องอยู่เฝ้าสังเกตอาการที่บ้านให้ครบ 30 วัน นับตั้งแต่วันที่เริ่มแสดงอาการ
