“สมคิด” ย้ำมีเงินดูแลประชาชนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เพียงพอ เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท เสริมกับงบประมาณกำลังหมดลง ปัดข้อเสนอนักวิชาการ มธ.แจกทุกคนอายุ 18 ปีขึ้นไป เผยถ้าทำขนาดนั้นต้องกู้ยันตาย
ที่กระทรวงการคลัง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีข่าวว่ารัฐบาลมีเงินใช้ดูแลเยียวยาประชาชนแค่ 1 เดือน นั้นอยากฝากไปถึงการเสนอข่าวต้องเสนอให้ครบถ้วน ขณะนี้ไม่มีประเทศใดในโลกที่มีงบประมาณมากที่จะนำมาดูแลประชาชนที่เดือดร้อน เพราะไม่มีใครคาดว่าจะเกิดโควิด-19 ดังนั้นทุกประเทศจึงใช้แนวทางกู้ยืมเงินเพื่อมาดูแลประชาชน ทั้งอเมริกา สิงคโปร์ ส่วนไทยออก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) บอกว่าในปีนี้และปีหน้าหนี้ของโลกจะสูงมาก แต่ไอเอ็มเอฟยังสนับสนุนกู้เงินเพื่อนำเงินมาดูแลประชาชน
นายสมคิดกล่าวว่า ทั้งนี้กระทรวงการคลังประเมินไว้แล้วว่างบประมาณในปี 2563 มีไม่เพียงพอกับการรับมือโควิด-19 จึงต้องออก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อนำเงินมาดูแลประชาชน ซึ่งเริ่มกู้เงินในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนพฤษภาคม โดยการกู้เงินจะกู้ตามความต้องการใช้เงิน ไม่กู้มากองไว้ เมื่อเงินกู้มาจะสอดคล้องกับงบประมาณปกติที่กำลังหมดลง ซึ่งจะสานต่อกันพอดี และเงินจะไม่ขาดตอน โดยเฉพาะเงินที่นำมาเยียวยา 5 พันบาท ยืนยันว่ามีเงินเพียงพอแน่นอน
นายสมคิดกล่าวว่า ในการเยียวยา 5 พันบาท รัฐบาลพยายามดูแลทุกกลุ่ม เช่นแม่ค้าขายลูกชิ้นปิ้ง เมื่อลงทะเบียนไปแล้วไม่ได้มีสิทธิอุทธรณ์ ส่วนคนที่ไม่ควรจะได้ มีรายได้เพียงพอ ดูแลตัวเองได้ ควรให้สิทธิคนที่ดูแลตัวเองไม่ได้ไปก่อน ถ้ามีรายได้ดีแล้วยังจะเอาไปอีก คงไม่มีรัฐบาลไหนดูแลประชาชนได้ครบขนาดนั้น ดังนั้นต้องให้คนที่ด้อยโอกาสก่อน และจะมีการตรวจสอบสถานะรายได้ ซึ่งในการให้เงินเกษตรกร ถ้าครอบครัวถ้าทำงานอย่างอื่นและได้รับการช่วยเหลือไปแล้วต้องตัดทิ้ง
เมื่อถามถึงกรณีนักวิชาการเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ออกแถลงการณ์ให้รัฐยกเลิกเงินเยียวยา 5 พันบาท แล้วเปลี่ยนมาจ่ายเป็นเงินช่วยเหลือเดือนละ 3 พันต่อคน เป็นเวลา 3 เดือนให้กับประชากรทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ยกเว้นบุคลากรของภาครัฐ-รัฐวิสาหกิจ และผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 ซึ่งมีกลไกดูแลอยู่ นายสมคิดกล่าวว่า คงต้องกู้ยันตาย