นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า จากในปัจจุบันสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้แพร่กระจายไปทั่วโลก และหลายจังหวัดในประเทศไทย ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 3/2563 เมื่อวันที่17 เมษายน ที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีแนวโน้มการแพร่ระบาดอยู่ และสถานการณ์ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ และทางภาครัฐได้มีการขอความร่วมมือเอกชน ให้พิจารณาความจำเป็นในการจัดกิจกรรมรวมกันของคนหมู่มากออกไปก่อน เพื่อลดการแพร่ระบาดไปสู่บุคคลจำนวนมาก
นายพิทักษ์กล่าวว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทจึงมีความห่วงใยต่อสุขภาพ และความปลอดภัยของผู้ที่จะเข้าร่วมประชุม และผู้ร่วมงานทุกท่าน รวมถึงยังเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวมอีกด้วย ส่งผลให้คณะกรรมการบริษัทได้มีมติ ได้แก่ 1.มีมติให้เลื่อนการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 ของบริษัทออกไปอย่างไม่มีกำหนดจากเดิมที่กำหนดวันประชุมใหญ่ประจำปี 2563 ไว้วันที่ 24 เม.ย. 63 และให้ยกเลิกวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิเข้าร่วมประชุม จากเดิมที่บริษัทกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นไว้วันที่ 12 มี.ค. 2563 และให้ยกเลิกวาระการประชุมเดิมทั้งหมด อย่างไรก็ตามคณะกรรมการบริษัทจะพิจารณากำหนดวันประชุมใหญ่ประจำปี 2563 วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิเข้าร่วมประชุม และวาระการประชุมอีกครั้ง ซึ่งหากมีความชัดเจนจะแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทุกท่านทราบในอนาคต 2.มีมติอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท จากกำไรสุทธิและผลำการดำเนินงานปี 2562 สำหรับหุ้นจำนวนทั้งหมด 1,670 ล้านหุ้น รวมเป็นเงิน 334 ล้านบาท และการจ่ายปันผลดังกล่าวจะจ่ายให้ผู้ถือหุ้นที่มีรายชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 12 มี.ค. 2563 และกำหนดไว้เป็นวันเดิมตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2563 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2563 โดยจะกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 15 พ.ค. 2563
“การอนุมัติจ่ายเงินปันผลดังกล่าว เพื่อเป็นการลดผลกระทบต่อสิทธิของผู้ถือหุ้นในการรับเงินปันผล หลังจากการเลื่อนประชุมใหญ่ประจำปี 2563 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด และบริษัทได้มีการปรับลดการจ่ายปันผลเป็น 0.20 บาท จากเดิม 0.50 บาท เนื่องจากบริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องบริหารสภาพคล่องของกระแสเงินสด เพื่อให้เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ และให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดในครั้งนี้ รวมทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับเหตุการณ์อื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต อาทิ ภัยแล้ง หรือความผันผวนของเศรษฐกิจ และตลาดเงิน” นายพิทักษ์กล่าว