จนท. ตามตัวชาวต่างชาติ แจกอาหาร-สิ่งของ ช่วยแรงงานชาวเมียนมา เกาะสมุย
เมื่อเวลา 17.30น. วันที่ 21 เมษายน นายศุภเกียรติ เพชรเศรษฐ์ ปลัดฝ่ายความมั่นคง อำเภอเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย ร.อ.อดุลย์ พรหมบุตร หน.ชป.กอ.รมน.ภาค 4 พื้นที่เกาะสมุย เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตำรวจท่องเที่ยวอำเภอเกาะสมุย และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเกาะสมุย ลงพื้นที่บ้านใต้ ม.5 ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย เพื่อติดตามตัวกลุ่มชาวต่างชาติที่ปรากฏในสื่อโซเชียล ที่นำอาหารและสิ่งของมาแจกให้กับผู้ใช้แรงงานประเทศเมียนมาที่พักอาศัยอยู่ตามแค้มป์คนงานก่อสร้าง โดยแรงงานได้มาเข้าแถวรอรับการบริจาคแบบเบียดเสียดแออัด โดยไม่ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างทางสังคม และยังได้นำคลิปวีดีโอตัดต่อเผยแพร่ในสื่อโซเชียล ทำให้ต่างประเทศอาจเข้าใจผิดคิดว่าประเทศไทยไม่มีมาตรการควบคุมและป้องกัน จนส่งกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยได้
จากการเข้าตรวจสอบที่บ้านพักหลังหนึ่ง พบชายต่างชาติ 2 คน เป็นชายชาวเยอรมัน อายุ 67 ปี และชายชาวออสเตรีย อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับในคลิปวีดีโอที่ปรากฏ ชุดตรวจสอบจึงเชิญตัวบุคคลดังกล่าวมาที่ห้องประชุมอำเภอเกาะสมุยเพื่อทำซักถาม ทำความเข้าใจ พร้อมกับว่ากล่าวตักเตือนว่า การบริจาคอาหารหรือสิ่งของช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนเป็นเรื่องที่ดี และสามารถกระทำได้ แต่ต้องอยู่ในแนวทางการปฏิบัติที่ทางราชการที่ได้กำหนดไว้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
โดยในส่วนของอำเภอเกาะสมุย มีมาตรการการแจกจ่ายสิ่งของช่วยเหลือประชาชน ภาคเอกชนที่มีจิตศรัทธาให้ความช่วยเหลือประชาชน ต้องเขียนคำร้องขออนุญาตยื่นต่อสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเกาะสมุย หรือโรงพยาบาลสุขเสริมสุขภาพตำบลทุกแห่ง หรือชุดปฎิบัติการหมู่บ้าน เพื่อให้นายอำเภอเกาะสมุยอนุญาตเพื่อช่วยในการจัดการ จากนั้นทางอำเภอจะได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลให้เป็นระเบียบ ให้ประชาชนถือปฏิบัติตามหลักการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะการเว้นระยะห่างทางสังคม หากพบว่ายังมีการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน ก็พร้อมจะบังคับใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน2548มาตรการป้องกันโรค อย่างเคร่งครัด
ล่าสุด หลังจากที่มีการพูดคุยอธิบายขั้นตอน และวิธีปฏิบัติในการแจกสิ่งของแก่ผู้ที่เดือดร้อน กลุ่มชาวต่างชาตินี้ก็ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมกล่าวคำขอโทษ และได้ลบคลิปวีดีโอที่ปรากฏในสื่อโซเชียลออก หลังจากนี้ยังจะมีการบริจาคอาหารช่วยเหลือประชาชนผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนต่อไปอีก และพร้อมปฏิบัติตามแนวทางที่ทางราชการได้กำหนดไว้
