พ่อเหยื่อทหารยอมเผาลูกชาย หลังได้ชดเชย 1 ล.ด้าน ตร.ไม่หนักใจคู่กรณีเป็นทหาร

พ่อเหยื่อทหารยอมเผาลูกชาย หลังได้ชดเชย 1 ล.ด้าน ตร.ไม่หนักใจคู่กรณีเป็นทหาร

เหยื่อทหาร – ความคืบหน้าคดีที่พ่อแม่ของผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สภ.ธาตุพนม เพื่อเอาผิด กลุ่มทหารชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ศอ.ปส.ชอน.หรือศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายเเดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ตอนบน) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ซึ่งมาตั้งฐ

ไปเค้นให้รับสารภาพว่าค้ายาเสพติด และนำไปกักตัวซ้อมในศูนย์ปฏิบัติการ ทำให้พี่ชาย นายยุทธนา ซ้ายซา หรือด่อน อายุ 33 ปี เสียชีวิต ส่วนน้องชาย นายณัฐพงษ์ ซ้ายซา หรือแดง อายุ 29 ปี ถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม เนื่องจากถูกซ้อมจนกระดูกซี่โครงหัก 2 ซี่ และมีแผลฟกช้ำทั่วร่างกายนั้น

เมื่อวันที่ 23 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิวัฒน์ ซ้ายซา อายุ 59 ปี พ่อผู้เสียชีวิต พร้อมญาติพี่น้อง ยอมประกอบพิธีฌาปนกิจลูกชายที่เสียชีวิต โดยก่อนนี้ออกมาประกาศเลื่อนการเผาศพไม่มีกำหนด เนื่องจากเจรจาเงินชดเชยเยียวยาไม่ลงตัว ภายหลัง พล.ต.สวราชย์ แสงผล ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ส่วนแยก 1 มอบหมายให้ พ.อ.บุญสิน พาดกลาง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี

พร้อมด้วย พล.ต.ประสิทธิ์ ทิศาวงศ์ ผบ.มทบ.29 ในฐานะผู้อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เข้าไปเจรจาตกลงกับทางพ่อแม่ และญาติผู้เสียหาย จนเป็นที่พอใจทั้ง 2 ฝ่าย ตกลงชดใช้เป็นเงินจำนวน 1 ล้านบาท

Advertisement

ส่วนการดำเนินคดีให้เป็นไปตามกฎหมาย ทางญาติจึงยอมประกอบพิธีฌาปนกิจในวันนี้ ซึ่งมี ดร.ไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย เขต 2 เป็นประธาน โดยมี พ.อ.บุญสิน เป็นตัวแทนหน่วย ร่วมประกอบพิธีฌาปนกิจตามประเพณี ณ ฌาปนกิจป่าช้า บ้านอุ่มเหม้า ต.อุ่มเหม้า จ.นครพนม โดยมีญาติพี่ น้อง ประชาชน รวมถึง กำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมแสดงการไว้อาลัย

พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมาที่ สภ.ธาตุพนม เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีทหารทำร้ายร่างกาย โดยทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้เน้นย้ำสั่งการให้ดำเนินการตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ขอยืนยันให้ประชาชน ได้มั่นใจว่า ทางตำรวจไม่หนักใจไม่ว่าคู่กรณีของผู้เสียหายจะเป็นทหาร หรือเป็นบุคคลทั่วไป ตำรวจจะต้องดำนินคดีตามกฎหมาย และมั่นใจว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินการเอาผิด เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ในคดีอาญาไว้ 2 ข้อหา สำหรับผู้กระทำผิด คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย และได้รับบาดเจ็บสาหัส

Advertisement

พล.ต.ต.ธนชาติกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ การสอบสวนยังพบอีกว่า เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวยังเป็นชุดจับกุมปราบปรามยาเสพติด ในส่วนนี้ถือว่า ผู้กระทำผิดเป็นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งนี้ ตามขั้นตอนการดำเนินคดีล่าสุด ทางพนักงานสอบสวนได้มีการดำเนินการสอบสวน พยานแวดล้อม ทั้งฝ่ายผู้เสียหาย มี พ่อ แม่ ลูกชายที่ได้รับบาดเจ็บ และญาติเกี่ยวข้อง ทั้งหมดแล้ว

ส่วนทางฝ่ายทหารได้ สอบสวนทหารที่เกี่ยวข้องบางส่วน พร้อมได้ส่งหนังสือไปยังหน่วยงานต้นสังกัดของทหาร เพื่อส่งขอละเอียดชื่อ ตำแหน่ง ของกำลังพลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมประมาณ 7-10 นาย เพื่อนำมาประกอบพยานหลักฐาน เหลือเพียงเอกสารหลักฐานใบชันสูตรพลิกศพจากทางแพทย์ ที่จะต้องนำมารวบรวมสรุป

“คดีนี้ ตามขั้นตอนเป็นคดีเกี่ยวข้องกับเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่ ทางตำรวจมีระยะเวลาดำเนินการสอบสวนสรุปสำนวน เป็นเวลา 30 วัน เพื่อสรุปสำนวนคดีอาญา ส่งต่อให้ ป.ป.ช.ดำเนินการพิจารณาไต่สวนตามขั้นตอนของกฎหมาย เสนออัยการพิจารณา นำสู่กระบวนการฟ้องต่อศาล เนื่องจากผู้กระทำผิดเป็นเจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย

จากนั้นถือว่าหมดอำนาจของพนักงานสอบสวน ส่วนหนึ่งทางตำรวจได้ประสานทางหน่วยงานทหารเกี่ยวกับการดำเนินคดี เพื่อให้เกิดความรวดเร็วเป็นธรรมมากที่สุด ขอให้ประชาชน รวมถึง ผู้เสียหาย มั่นใจตำรวจทำตามขั้นตอนตรงไปตรงมา ซึ่งในการเดินการขอให้เข้าใจมีขั้นตอนระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ยืนยันไม่ล่าช้า” พล.ต.ต.ธนชาติ กล่าว

นายนิวัฒน์ พ่อผู้เสียชีวิต กล่าวว่า วันนี้มีตัวแทนหน่วยงานทหาร มาเจรจาพูดคุย ตนเห็นว่าเป็นที่เหมาะสม ได้หารือกับญาติพี่น้อง แล้วถือว่าพอใจทั้ง 2 ฝ่าย จึงได้ยิมยอมที่จะเผาศพลูกชายตามประเพณี มาถึงวันนี้ยอมรับว่าเงินมากแค่ไหนก็ไม่คุ้มสำหรับการสูญเสีย

แต่เมื่อเกิดเรื่องแล้ว ตนยินดีจะให้อภัย ขอเพียงหน่วยงานทหาร และผู้กระทำผิดออกมารับผิดชอบ เพราะผู้ทำผิดจะต้องไปชดใช้กรรมตามกฎหมาย ส่วนการชดเชยเยียวยาเป็นสิ่งจะต้องช่วยเหลือครอบครัวตน จะให้ได้ดั่งใจทุกอย่างคงยาก

“เมื่อเรื่องเกิดแล้ว ผมต้องการให้จบด้วยดี จึงยอมรับเงื่อนไขตามข้อตกลง ทั้งเงินเยียวยา รวมถึง ค่าใช้จ่ายจัดงานศพ และค่ารักษาพยาบาลกับลูกชายที่บาดเจ็บ ซึ่งผมพร้อมจะให้อภัย แต่ในส่วนของกฎหมายจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป” นายนิวัฒน์ กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image