สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขประกาศที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการเพิ่มใบอนุญาตการเป็นตัวกลางด้านตราสารทุนและใบอนุญาตการจัดการกองทุนส่วนบุคคล เพื่อให้ครอบคลุมและสอดคล้องกับร่างกฎกระทรวงฯ พร้อมลดค่าธรรมเนียมให้ผู้ประกอบธุรกิจเดิมที่ขอเปลี่ยนใบอนุญาตใหม่
ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ โดยเพิ่มใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทใหม่ 2 ประเภท ได้แก่ ใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์แบบ จ หรือใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ได้หลายประเภทธุรกิจหลักทรัพย์ ประกอบด้วยธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทดังต่อไปนี้ 1.การเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อันเป็นตราสารทุน 2.การค้าหลักทรัพย์อันเป็นตราสารทุน 3.การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์อันเป็นตราสารทุน 4.การเป็นที่ปรึกษาการลงทุน 5.กิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์เพื่อรองรับการเป็นตัวกลางเฉพาะด้านตราสารทุน และใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคล ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสเลือกผู้ให้บริการที่มีคุณภาพตรงกับความต้องการ และส่งเสริมการพัฒนาในตลาดทุน โดยคาดว่าจะมีผลใช้บังคับภายในไตรมาสที่ 3 – 4 ปี 2563 นั้น
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงมีแนวคิดจะแก้ไขประกาศที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการเพิ่มประเภทใบอนุญาตดังกล่าว ให้ครอบคลุมและสอดคล้องกับร่างกฎกระทรวงฯ โดยให้สถาบันการเงิที่มีกฎหมายเฉพาะสามารถขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์แบบ จ เพื่อเป็นตัวกลางเฉพาะด้านตราสารทุน และใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคลได้ รวมทั้งให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตการจัดการกองทุนส่วนบุคคลสามารถขอรับใบอนุญาตเพื่อประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องได้ โดยไม่มีค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเช่นเดียวกับหลักเกณฑ์ปัจจุบัน
สำหรับผู้ประกอบธุรกิจรายเดิมที่จะขอเปลี่ยนใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์แบบ จ หรือธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคล เพื่อให้สอดคล้องกับการทำธุรกิจจริง สามารถนำค่าธรรมเนียมที่ชำระไว้แล้วมาใช้เป็นส่วนลดของค่าธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาตใหม่ได้ โดยก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวไว้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. https://www.sec.or.th/TH/Pages/PB_Detail.aspx?SECID=619 ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจสามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ หรือทาง e-mail: [email protected] หรือ [email protected] จนถึงวันที่ 22 พฤษภาคม 2563
