21วัน อัยการฟ้องคดีผู้ฝ่า พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ทั่วประเทศ 17,284 คน

“ประยุทธ”รองโฆษกอสส.เผย 21วัน อัยการฟ้องคดี ผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ทั่วประเทศ 17,284 คน จากสถิติพบมีเเนวโน้มฝ่าฝืนลดลงยังบังคับใช้กฎหมายเข้มหวังหยุดแพร่โควิด

เมื่อวันที่ 24 เมษายน นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า จากการรวบรวมข้อมูลการดำเนินคดีผู้ที่ทำการฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินของสำนักงานอัยการต่าง ๆ ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 3 – 23 เมษายน และได้รายงานข้อมูลมายังศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สำนักงานอัยการสูงสุด (ศบสค.อส.) ซึ่งมีนายสาวิตร บุญประสิทธิ์ รองอัยการสูงสุดเป็นประธานศูนย์ฯ และต่อมานายรัชต์เทพ ดีประหลาด ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการสำนักงานอัยการสูงสุด และนางณฐนน แก้วกระจ่าง ผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ทำการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลผลการดำเนินคดีผ่านสารบบคดีอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักงานอัยการสูงสุด ปรากฏว่าภาพรวมทั้งประเทศมีการดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืนพระราชกำหนดฯ ในช่วงเวลาดังกล่าวรวมแล้วทั้งสิ้น 12,927 คดี มีผู้ต้องหาถูกดำเนินคดี จำนวน 17,284 คน

โดยศูนย์ ฯ ศบสค.อส. ได้จัดทำรายงานสถิติคดีการฝ่าฝืนพระราชกำหนดฯ ช่วงระหว่างวันที่ 3 – 23 เมษายน 2563 ดังกล่าว เป็นรายวัน ซึ่งได้จำแนกสถิติจำนวนคดี จำนวนผู้กระทำความผิด (แยกเพศหญิง และชาย) และช่วงอายุของผู้กระทำการฝ่าฝืน จากสถิติจะเห็นได้ว่า
1.วันที่มีการกระทำความผิดฝ่าฝืนพระราชกำหนดฯ สูงสุด จะสัมพันธ์กับจำนวนของผู้ติดเชื้อที่พบใหม่ตามรายงานของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศบค.) ซึ่งมีจำนวนที่สูงด้วยเช่นกัน กล่าวคือวันที่มีการพบการกระทำความผิดมากที่สุดคือวันที่ 7 เมษายน 2563 ทั่วประเทศมีผู้ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งหมด 1,551 คดี ผู้ต้องหารวม 1,919 คน ซึ่งสัมพันธ์กับข้อมูลของ ศบค. ที่รายงานว่าในวันที่ 8 เมษายน 2563 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 111 คน เป็นต้น

2.ช่วงอายุของผู้ที่ผ่าฝืนพระราชกำหนดฯ มากที่สุดคือ ช่วงอายุ 20-35 ปี รองลงมาเป็นช่วงอายุ 35 – 55 ปี ซึ่งก็เป็นช่วงอายุที่สัมพันธ์กับช่วงอายุของกลุ่มผู้ติดเชื้อที่มีจำนวนมากที่สุดด้วยเช่นกัน

3.จากสถิติดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ระยะหลังจำนวนผู้ที่กระทำการฝ่าฝืนพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินมีแนวโน้มลดลง ทั้งจำนวนคดีและจำนวนผู้กระทำความผิด ซึ่งสัมพันธ์กับจำนวนผู้ที่ติดเชื่อเพิ่มใหม่ เช่น วันที่ 23 เมษายน 2563 มีผู้ฝ่าฝืนพระราชกำหนดฯ 455 คดี จำนวนผู้ต้องหา 714 คน ซึ่งเป็นสถิติที่ฝ่าฝืนพระราชกำหนดฯ น้อยที่สุดตั้งแต่ประกาศบังคับใช้ ในขณะเดียวกัน ในวันดังกล่าวก็มีผู้ติดเชื้อเพิ่มใหม่น้อยที่สุด เพียง 13 คน เป็นต้น

Advertisement

จากความสัมพันธ์ของข้อมูลดังกล่าว เห็นได้ว่าหากประชาชนมีการปฏิบัติตามพระราชกำหนดฯ อย่างเคร่งครัดจะยิ่งทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงได้อีกเป็นจำนวนมากซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดจะยังคงบังคับใช้กฎหมายและมาตรการต่าง ๆ กับผู้กระทำการฝ่าฝืน พระราชกำหนดฯ อย่างเคร่งครัดต่อไป เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการช่วยยับยั้ง และหยุดการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image