‘วิญญัติ’ ชื่นชม ‘อสส.’ ออกหนังสือถึงอัยการทั่วประเทศใช้ดุลพินิจสั่งไม่ฟ้องคดีคนเจตนาดีเเจกของช่วงโควิด-19

วันที่ 25 เมษายน 2563 นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนและเลขาธิการสมาพันธ์ นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) ได้ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊คถึงกรณีที่นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด ได้มีหนังสือ แจ้งพนักงานอัยการทั่วประเทศทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติการดำเนินคดีที่มีผลกระทบต่อการแก้ปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19โดยให้ใช้ดุลพินิจรอบคอบสั่งไม่ฟ้องคดีที่ผิดเจตนารมย์กฎหมาย มีข้อความว่า

#ถ้าสั่งคดีโดยคำถึงความพอเหมาะพอควรตามหลักมนุษยธรรม_ถือเป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่และน่าชื่นชม

นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด (อสส.) ได้มีหนังสือ อส 0001/ว188 ลงวันที่ 24 เม.ย. 2563 แจ้งพนักงานอัยการทั่วประเทศ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติการดำเนินคดีที่มีผลกระทบต่อการแก้ปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ความตอนหนึ่งว่า “การกระทำดังกล่าวหากมีการจับกุมดำเนินคดี อัยการสูงสุดให้พนักงานอัยการได้ใช้ดุลพินิจพิจารณาพยานหลักฐานประกอบ พฤติการณ์แห่งการกระทำโดยรอบคอบ ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดทางอาญา เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หรือไม่ จึงจะมีความเห็นคำสั่งว่าสามารถสั่งฟ้องได้หรือไม่เพียงใด ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย “

Advertisement

ส่วนตัวผมเห็นด้วยกับแนวทางตามหนังสือเวียนของอัยการสูงสุด เพราะเห็นว่า

ประชาชนในประเทศมีทั้งคนจน คนมีอาชีพการงาน คนรวย และข้าราชการสังกัดหน่วยงานของรัฐ เมื่อคนในสังคมผู้ที่มีกำลังมากกว่าหรือไม่ถึงขนาดที่ขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค มีน้ำใจให้คนที่ไม่มี ด้วยการช่วยเหลือเอื้อเฟื้อกัน ย่อมถือเป็นการทำความดีมากกว่าที่จะเป็นการกระทำให้สังคมเกิดความวุ่นวาย ทั้งเมื่อมองปรากฏการณ์นี้ในด้านมนุษยธรรมแล้ว ยิ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่คนในประเทศได้รับการเหลียวแลเรื่องปากท้องอันเป็นการแบ่งเบาภาระของหน่วยงานราชการได้อีก

การกระทำของผู้ใจบุญหรือผู้ที่ประสงค์บริจาคอาหารและสิ่งของ รวมทั้งสิ่งจำเป็นในการดำรงชีพแก่บุคคลทั่วไป จึงไม่ได้เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าเขาเหล่านั้นมีเจตนากระทำการฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉินฯ หรือ ประกาศของรัฐแต่อย่างใด

Advertisement

ในทางตรงกันข้าม รัฐมีหน้าที่จะต้องอำนวยความสะดวกและจัดสถานที่เหมาะสม ตลอดจนต้องควบคุมดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อยในการแจกอาหารและสิ่งของให้เป็นไปตามมาตรฐานทางสาธารณสุขอย่างดี

เรื่องนี้เมื่อกระบวนการยุติธรรมเริ่มต้นจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคระบาดฯมากล่าวโทษกับตำรวจ หรือตำรวจดำเนินคดีเอง แล้วมีความเห็นสั่งฟ้องประชาชนที่ทำความดีมีเจตนาเพื่อช่วยเพื่อมนุษย์เช่นนี้ เมื่อพนักงานอัยการได้รับสำนวนคดีของพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการจึงถือเป็นด่านสุดท้ายก่อนส่งตัวประชาชนฟ้องดำเนินคดีต่อศาล

#ผมจึงหวังว่าพนักงานอัยการ จะใช้อำนาจตามกฎหมายที่ท่านมีเพื่อเป็นการถ่วงดุลการปฎิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการควบคุมโรคระบาดจะต้องกระทำด้วยความสมเหตุสมผลพอเหมาะพอควรตามความจำเป็น และมีความสมดุลย์ระหว่างประโยชน์สาธารณะหรือส่วนรวม กับสิทธิของบุคคลที่จะถูกจำกัดสิทธิ ต้องไม่เป็นการเพิ่มภาระหรือจำกัดสิทธิของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุเพราะอาจจะกระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความอยู่รอดของประชาชนในภาวะวิกฤตได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image