เมื่อวันที่ 25 เมษายน นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงความพยายามของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในการรวบรวมรายชื่อ ของ ส.ส. และส.ว. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของทั้งสองสภา เพื่อขอเปิดประชุมสภา สมัยวิสามัญ พิจารณาพ.ร.ก.กู้เงิน พ.ร.บ.โอบงบประมาณ และรับฟังเสียงของสภาผู้แทนราษฎร ว่าจะมีการขอความช่วยเหลือจากส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ร่วมลงชื่อให้ครบตามจำนวนได้หรือไม่ ว่า พรรคฝ่ายค้านก็พยายามจะใช้วิธีนี้ แต่ตนเข้าใจว่า ฝ่ายรัฐบาลอาจจะกลัวว่าฝ่ายค้านจะตีรวน แต่อยากให้เข้าใจว่าขณะนี้ฝ่ายค้านไม่ทำแบบนั้น เพราะเราต้องทำงานอย่างสร้างสรรค์เพื่อช่วยเหลือประชาชน ถ้าสภาเปิดได้เร็ว การได้เงินมาช่วยเหลือประชาชนก็จะเร็วขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตามอาจจะมีการตำหนิและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลในบางส่วน ซึ่งเราจะมีข้อเสนอแนะให้รัฐบาล ว่า ควรจะมีแนวทางการทำงานอย่างไร รัฐบาลจะรับไปปฏิบัติหรือไม่ อำนาจก็อยู่ที่รัฐบาล เพราะเป็นเสียงข้างมาก ทั้งนี้หากรัฐบาลยังหลับหู หลับตาคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ผลก็จะออกมาอย่างที่เห็น คือ ประชาชนยังคงเดือดร้อนอยู่ หน้าที่ของ ส.ส. คือ การรับฟังเสียงของประชน และนำมาสะท้อนให้รัฐบาลรับทราบ ซึ่งรัฐบาลก็มีหน้าที่ฟังเสียงสะท้อนจากภาพรวมของประเทศเพื่อนำมาดัดแปลงนโยบายและการใช้จ่ายเงินของประเทศให้ตอบโจทย์กับคนทั้งชาติ
เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับส.ส.ฝ่ายรัฐบาลคืบหน้าอย่างไรบ้าง นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า อย่างที่ทราบว่า เราได้มีการพูดคุยกับส.ส.ฝ่ายรัฐบาล จากพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ไปบ้างแล้ว เพราะเข้าใจว่าพรรคเหล่านี้อาจจะน้อยเนื้อต่ำใจที่ถูกลดบทบาทการทำงานกับรัฐบาล แต่ทั้งนี้พวกเขาก็มีความเป็นผู้แทนของประชาชน เพราะก็น่าจะทราบว่าประชาชนในพื้นที่ของตัวเองก็ได้รับความเดือดร้อนอย่างไร ดังนั้นส.ส.ฝั่งรัฐบาลก็ต้องช่างน้ำหนักระหว่าง ความเป็นผู้แทนของประชาชน กับการเกรงใจในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล แต่ตนเชื่อว่าต้องมีส.ส.ที่มีอุดมการณ์อยากจะพูดเพื่อประชาชนอยู่พอสมควร
