‘เจมาร์ท’ จับมือ KB Kookmin Card ขยายธุรกิจการเงิน เชื่อโควิดไม่กระทบ ธุรกิจโตตามเป้า

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในงานแถลงข่าวการร่วมลงทุนกับ KB Kookmin Card ผู้นำธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อทางการเงินจากประเทศเกาหลีใต้ ว่า เพื่อขยายการเติบโตในธุรกิจสินเชื่อ เพิ่มศักยภาพในการบริหารงาน และขีดความสามารถในการแข่งขัน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการร่วมลงทุนของบริษัท เจ ฟินเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยดำเนินธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ร่วมกับ KB Kookmin Card Co., Ltd บริษัทผู้ให้บริการบัตรเครดิตการ์ด และสินเชื่อส่วนบุคคลรายใหญ่ของเกาหลีใต้โดยผ่านการเพิ่มทุนจดทะเบียนในบริษัทย่อยจำนวน 556,536,900 บาท เป็น 1,112,851,210 บาท แบ่งเป็นออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน และโอนหุ้นเดิมให้อีก 1 หุ้น รวมจำนวนหุ้นทั้งหมด 55,631,431 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 10 บาทและเจมาร์ท และเจเอ็มทีจะสละสิทธิ์การจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในเจฟินเทคดังกล่าว

นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า การร่วมทุนของ KB Kookmin Card ครั้งนี้ เจ ฟินเทค ได้รับประโยชน์จากการนำความรู้และเทคโนโลยีทางการเงินของ KB Kookmin Card เข้ามาเสริมกลุ่มบริษัทในระยะยาว และจะนำเงินที่ได้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกลุ่มบริษัท ทั้งกลุ่มบริษัทเจมาร์ท และ KB Kookmin Card จะได้ร่วมงาน และขยายการทำงานร่วมกันในการดำเนินธุรกิจการเงินในประเทศไทย ซึ่งยังคงมีศักยภาพในการทำธุรกิจ

สำหรับแผนธุรกิจภายหลังจากการร่วมทุนครั้งนี้ เจฟินเทคตั้งเป้าเป็นผู้นำ 1 ใน 5 ของธุรกิจสินเชื่อ และบัตรเครดิตในประเทศไทยจะเร่งการปรับโครงการทำงานให้ก้าวสู่การเป็นบริษัทสินเชื่อเป็นสถาบันการชั้นนำของประเทศตามมาตรฐานของ KB Kookmin Card และการทำงานร่วมกันกับระบบนิเวศของกลุ่มบริษัทเจมาร์ทโดยการทำการตลาดที่เข้มข้นขึ้น เจาะกลุ่มตลาดคนรุ่นใหม่ รวมถึงการขยายฐานลูกค้าบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลและบริการทางการเงินอื่นๆ ตามแผนธุรกิจที่ได้วางไว้ อีกทั้งยังมีการนำเอาเทคโนโลยีทางการเงิน มาใช้ในการดำเนินงานของเจ ฟินเทค ในอนาคต ซึ่งรวมถึงบริษัทจะได้แหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนทางการเงินที่ลดลงในอนาคตจากการมีผู้ถือหุ้นที่มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน

“คาดว่า แผนการเข้าร่วมลงทุนดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2563 KB Kookmin Card Co., Ltd และเจ ฟินเทค จะดำเนินการหาสินเชื่อจากสถาบันการเงิน เพื่อมาทดแทนเงินกู้จากบริษัทเจมาร์ท มูลค่า ณ สิ้นปี 2562 กว่า 2,700 ล้านบาท และภายหลังจากการเข้าร่วมทุนครั้งนี้จะทำให้ผู้ถือหุ้นทั้งสองจะช่วยกันหาแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลงสำหรับ เจ ฟินเทค เพื่อสามารถแข่งขันได้กับอุตสาหกรรม และสร้างผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น” นายอดิศักดิ์ กล่าว

Advertisement

นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้มีการปิดห้างสรรพสินค้านั้น ส่งผลต่อรายได้แน่นอน แต่สิ่งที่พยายามบริหาร คือ ค่าใช้จ่ายด้านต้นทุน โดยเชื่อว่าทางทีมงานผู้ดูแลด้านธุรกิจโมบายช็อป จะสามารถบริหารโดยพยายามไม่ให้ได้รับผลขาดทุน ทำให้ภาพรวมของกลุ่มธุรกิจสามารถเติบโตได้ตามเป้า โดยคาดว่าการดำเนินธุรกิจช่วงครึ่งหลังของปี 2563 จะดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่อาจหายไป หรือไม่ส่งผลกระทบรุนแรงเหมือนในช่วงที่ผ่านมา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image