นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยประเมินแล้วยังคงผันผวน โดยมองกรอบดัชนีหุ้นเคลื่อนไหวในระดับ 1,250 – 1,285 จุด แม้จะได้แรงสนับสนุนจากการที่สหรัฐบังคับใช้มาตรการเยียวยาธุรกิจขนาดเล็กและโรงพยาบาล ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 วงเงิน 4.84 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และธนาคารกลางของแต่ละประเทศ ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมทั้งการเดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ เพื่อรับมือผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเตรียมผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ ในบางพื้นที่ อาทิ สหรัฐ อังกฤษ อิตาลี รวมทั้งประเทศไทย โดยล่าสุดทางศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ได้พิจารณาการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไปอีก 1 เดือน ในส่วนของมาตรการผ่อนปรนการล็อกดาวน์ต่างๆ จะอนุญาตให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการได้ โดยจะพิจารณาตามความเหมาะสมเป็นหลัก โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคมนี้
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยได้แนะนำกลยุทธ์การลงทุนคือ ดักลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์หากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลง โดยทยอยสะสมกลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ AOT, MINT, ERW และ CENTEL หากโควิด-19 ดีขึ้น น่าจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยกลับเข้ามาเที่ยวประเทศไทย รองลงมาได้แก่หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น TOP, SPRC และ PTTGC จากผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 1/2563 ประกอบกับไม่มีผลขาดทุนจาก Stock Loss และสุดท้ายหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น KCE, HANA และ DELTA ซึ่งกลับมาเร่งผลิตสินค้าเพื่อเติม เนื่องจากสต็อกสินค้าที่ลดลงอย่างมาก หลังจากหยุดผลิตในช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด-19
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ในส่วนของราคาทองคำ ประเมินว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้น 37 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ โดยราคาทองคำผันผวนสูงในช่วงนี้ เนื่องจากผลตอบแทนของทองคำในปี 2563 สูงถึง 11 % ขณะที่สินทรัพย์อื่นๆ ให้ผลตอบแทนติดลบ จึงเป็นเป้าหมายในการทำกำไร โดยทองคำยังได้แรงสนับสนุนจากการซื้อของกองทุนเอสพีดีอาร์ หรือกองทุนซื้อขายทองคำขนาดใหญ่ของโลก ที่มีสถานะซื้อสุทธิ 18.7 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา อีกทั้งพื้นฐานในระยะกลางยังได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ประกาศอัดฉีดมาตรการผ่อนคลายเชิงประมาณ (คิวอี) แบบไม่จำกัดวงเงิน ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยในสัปดาห์นี้มองกรอบการเคลื่อนไหวทองคำที่ 1,680-1,750 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือคิดเป็นทองคำไทย 25,620-26,800 บาทต่อบาททองคำ
