“ถือว่าหมอขอ” ผ่อนปรน 3 พ.ค.นี้ ยังอยากเห็นคนสวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างทางสังคม
เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.โสภณเอี่ยม ศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวถึงการผ่อนปรนมาตรการของภาครัฐบาลใน สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19
นพ.โสภณ กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนคนไทยเริ่มมีความพร้อมในการเปิดกิจกรรมบางอย่าง ที่มีความปลอดภัย ตามที่รัฐบาล ได้กำหนดไว้ ให้มีการเปิดกิจการได้ในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้ ได้แก่ 1.ตลาดนัด 2.ร้านจำหน่ายอาหาร 3.กิจการค้าปลีก 4.กีฬาสันทนาการ 5.ร้านตัดผมเสริมสวย และ 6.อื่นๆ เช่น ร้านตัดขนสัตว์เลี้ยง ดังนั้นจะต้องมีความระมัดระวังในการเปิดกิจการ เนื่องจากมีโอกาสที่จะแพร่เชื้อเพิ่มสูงขึ้น แต่หากมีการดำเนินตามมาตรการที่ทาง สธ. และภาครัฐบาลแนะนำไว้อย่างเต็มที่ รวมถึงการตระหนักถึงความสำคัญของในการป้องกันตนเองอย่างต่อเนื่อง เช่น การสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ รักษาระยะห่างทางสังคม ไม่ไปในที่ชุมชนแออัด หากเริ่มมีอาการป่วยก็ให้ ป้องกันตนเองและแยกตัวออกจากผู้อื่น รีบไปพบแพทย์ หากดำเนินการได้อย่างดีก็จะเป็นการลดการแพร่ระบาดของโรค เพื่อไม่ต้องกลับไปอยู่ในสถานการณ์ที่มีการระบาดของโรคและจะต้องดำเนินการปิดกิจการอีกครั้ง
“การเปิดกิจการใหม่จะต้องอาศัยการเตรียมตัว ซึ่งหวังว่าในช่วง 3 วันข้างหน้า จะเป็นช่วงเวลาเตรียมตัวที่ดี เพื่อให้เราได้ใช้ชีวิตได้อย่างปกติ มีความเครียดน้อยลง และสามารถที่จะประกอบกิจกรรมต่างๆได้มากขึ้น และจากมาตรการผ่อนปรน 6 กิจการ ยังไม่มีการอนุญาตให้เปิดสระว่ายน้ำได้ คาดว่าน่าจะเป็นระยะถัดไป เนื่องจากเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่สารคัดหลังของผู้เข้าใช้บริการจะแพร่กระจายออกมา ซึ่งเป็นความเสี่ยงในระดับหนึ่งแม้ว่าจะไม่มากนัก แต่จะต้องอยู่ในระยะถัดไป ถ้าหากการเปิดในระยะแรกแล้ว ไม่เกิดปัญหาการแพร่ระบาด ก็คงจะต้องอดใจรออีกนิดหนึ่ง ” นพ.โสภณ กล่าวว่า
นอกจากนี้ นพ.โสภณ กล่าวว่า ภายหลังจากการผ่อนปรนมาตรการ แล้ว ประชาชนจะต้องดำเนินชีวิต ที่ไม่เหมือนเดิม เนื่องจากจะต้องตระหนักและมีความระมัดระวังมากขึ้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดซ้ำ โดยทั่วไปธรรมชาติของโรคติดต่อที่สามารถแพร่โรคได้เร็วเช่น โรคติดต่อทางเดินหายใจโควิด-19 นี้ ในการเปิดกิจการวันที่ 3 พฤษภาคม จะเริ่มมี การคนไปรวมตัวกันจำนวนมากขึ้น สิ่งที่สำคัญ คือ 1.การกำหนดจำนวนผู้คนที่พบประกัน เพื่อให้สถานที่แห่งนั้นมีความปลอดภัยมากที่สุด มีผู้คนอยู่ใกล้กันจำนวนน้อยที่สุด 2.ระยะเวลาที่พูดคุยใกล้ชิดกัน ดังนั้นการลดการพูดคุย การอยู่ใกล้ชิดกันก็จะลดโอกาสในการรับเชื้อได้ อย่างไร ก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ 3.การป้องกันตัวเองจากการแพร่/ติดเชื้อ สำหรับผู้ที่ไม่มีอาการป่วยแนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยชนิดผ้า เพื่อลดการติดเชื้อระหว่างบุคคล และควบคู่กับการล้างมือเป็นประจำด้วยน้ำและสบู่ ลดการสัมผัสในพื้นที่ผิวสัมผัสร่วม
“สิ่งเหล่านี้เป็นมาตรการบุคคลที่จะต้องดำเนินการทำอย่างต่อเนื่อง และถ้าหากทำได้ถึงแม้จะมีการพบปะคนเพิ่มขึ้นก็ยังมีความเสี่ยงน้อย โอกาสติดเชื้อก็น้อยอยู่ แต่ทั้งหมดทุกคนจะต้องร่วมกัน อยากให้บรรยากาศของการใช้หน้ากากอนามัยและตระหนักถึงความสำคัญของการเว้นระยะห่างทางสังคม ยังดำเนินการต่อไป แม้ว่าจะต้องเจอคนมากขึ้นก็ตาม” นพ.โสภณ กล่าว
นพ.โสภณเอี่ยม ศิริถาวร
