นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงการปรับกลยุทธ์การค้ารองรับวิกฤตโควิด-19 ด้วยช่องทางออนไลน์ว่า กรมปรับแผนการส่งออกสินค้าไทยโดยหันมาให้ความสำคัญกับการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19โดยจะร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดังในตลาดเป้าหมาย ทำการเปิดตัวร้าน TOPTHAI เพิ่มเติม และเน้นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสั่งซื้อสินค้าไทย และยังมีแผนจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจทางออนไลน์ในกลุ่มสินค้าต่างๆ แทนการจัดกิจกรรมในรูปแบบเดิม มีกำหนดตั้งแต่เดือนพ.ค.-ก.ย.2563 รวมทั้งจะหันมาใช้ช่องทางออนไลน์ในการช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ของไทย มีโอกาสในการค้าขายออนไลน์และส่งออกไปตลาดต่างประเทศ
นายฉันทพัทธ์ ปัญจมานนท์ ผู้อำนวยการสำนักตลาดพาณิชย์ดิจิทัล กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้การเปิดตัวร้าน TOPTHAI บนแพลตฟอร์มออนไลน์ในต่างประเทศ ได้เปิดบนเว็บไซต์ Tmall ในเครืออาลีบาบา ส่วนใหญ่ขายสินค้าอาหาร แฟชั่น ของใช้ในบ้าน และในเว็บไซต์ Bigbasket ของอินเดีย จำหน่ายสินค้าอาหารไปแล้ว กำลังจะเปิดตัวในเว็บไซต์ Khaleang.com ในกัมพูชาเดือนพ.ค.2563 จำหน่ายสินค้าอาหาร และ Amazon ในสหรัฐฯ เดือนมิ.ย.2563 จำหน่ายเครื่องสำอาง ของใช้ในบ้าน สินค้าแฟชั่น อาหาร และสินค้าเพื่อสุขภาพ
“ตอนนี้กำลังหารือกับทาง Tmall จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผลไม้ไทย ระยะเวลา 2 เดือน เช่น ทุเรียน มังคุด มะม่วง ลำไย ลิ้นจี่ และสับปะรด เป็นต้น โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นพรีเซนเตอร์ เปิดตัวกิจกรรม เปิดแบบออนไลน์ในไทย ในจีน ซึ่งไฮไลต์กำลังคิดอยู่ว่าจะเป็นอะไร แต่คงเป็นทุเรียน เหมือนที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว ส่วนตลาดจีน ก็จะทำโปรโมชั่นในลักษณะเดียวกัน แต่ตอนนี้ยังติดปัญหาเรื่องล็อกดาวน์ ถ้าดีขึ้น ก็จะทำ สินค้าไฮไลต์คงเป็นทุเรียน เพราะน่าจะเข้าตลาดอินเดีย โดยเฉพาะทางใต้ได้”
สำหรับการจัดกิจกรรมการเจรจาธุรกิจออนไลน์ ได้จัดเจรจาธุรกิจสินค้ามะม่วงกับเกาหลีใต้ไปแล้ว ขายได้ 3,200 ตัน มูลค่า 15 ล้านเหรียญสหรัฐ จัดเจรจาธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มกับฮ่องกง กำลังรวบรวมผลการเจรจา และจัดเจรจาธุรกิจสินค้าอาหาร แฟชั่น สุขภาพและความงาม ของตกแต่งบ้านกับกัมพูชา เพื่อนำไปจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม Khaleang.com ที่จะเปิดตัวในเดือนพ.ค.256.3 ได้กว่า 9.24 แสนเหรียญสหรัฐ ส่วนในเดือนพ.ค.2563 มีกำหนดจัดเจรจาธุรกิจรวม 9 ครั้ง เดือนมิ.ย.2563 จำนวน 3 ครั้ง เดือนก.ค.2563 จำนวน 3 ครั้ง และเดือนก.ย.2563 จำนวน 1 ครั้ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานและเตรียมการร่วมกับผู้ส่งออกของไทยกับผู้ซื้อ ผู้นำเข้าในต่างประเทศ
ส่วนการช่วยผู้ประกอบการ SMEs ให้มีโอกาสขายสินค้าออนไลน์ตามนโยบายอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้มีการจัดทำโครงการ “จับคู่ธุรกิจ ติดปีกการค้าออนไลน์” จะเชิญแพลตฟอร์มออนไลน์ มาช่วยสอนเทคนิคการขายสินค้าออนไลน์ การถ่ายภาพ การเขียนรายละเอียดสินค้า โดยเปิดสอนทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ thaitrade.com ทุกวันอังคาร เริ่มไปแล้วตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย.2563 และจะมีทุกวันอังคารจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.2563 ซึ่งผู้ที่เข้าเรียน นอกจากจะได้ความรู้และเทคนิคการค้าออนไลน์แล้ว ยังมีโอกาสที่จะได้รับการคัดเลือกจากแพลตฟอร์มที่มาสอน เพื่อนำสินค้าไปจำหน่ายในเว็บไซต์ด้วย
