ตร.จับผอ.วิทยาลัยเกษตรฯ ส่งนศ.ฝึกงานเกาหลี สุดโหดทำงานวันละ12ชม.-ไม่ได้ความรู้

ตร.จับผอ.วิทยาลัยเกษตร ส่งนศ.ฝึกงานเกาหลี ทำงานวันละ12ชม.

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ห้องประชุม ภ.จว.เชียงราย พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผช.ผบ.ตร.ป ได้เดินทางไปสอบปากคำผู้เสียหายในคดี “สมทบกันกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ด้วยการแสวงหาประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงานนักศึกษาหรือการอื่นใดที่คล้ายคลึงกันอันเป็นการขูดรีดบุคคล” โดยได้มีการสอบปากคำอดีตนักศึกษาจากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงราย จำนวน 8 คน เป็นชาย 5 คนและหญิง 3 คน

ส่วนผู้ต้องหานั้นได้มีการจับกุมดำเนินคดีกับอาจารย์ระดับรองผู้อำนวยการวิทยาลัยซึ่งปัจจุบันย้ายไปอยู่ที่ จ.กำแพงเพชร จำนวน 1 คน และนายคัง ชาวเกาหลีใต้ ที่อยู่ที่กรุงเทพฯ รวมผู้ถูกจับกุมทั้งหมด 2 คน นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องหาที่ศาลได้อนุมัติหมายจับแล้วอีกจำนวน 3 คนแต่ทั้งหมดเป็นชาวเกาหลีใต้ที่อาศัยอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้จึงอยู่ระหว่างขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนตามกฎหมายระหว่างประเทศ

พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวว่าสำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 10 ก.พ.-10 มิ.ย.2560 หรือกว่า 3 ปีมาแล้ว พฤติการณ์คดีคือได้มีการหลอกพานักศึกษาทั้ง 8 คนทำทีให้ไปฝึกงานที่เมืองซุงจูและเมืองดันจิง ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อนักศึกษาไปถึงก็ได้ให้ทำงานในไร่ในฟาร์มวันละ 12 ชั่วโมงและบางครั้งพาไปทำงานนอกพื้นที่โดยที่เก็บรายได้จากค่าเหนื่อยของนักศึกษาเอาไว้แล้วไม่ให้เด็กได้ใช้เลย ลักษณะเป็นการให้ทำงานฟรีและทำงานหนักรวมทั้งที่สำคัญเมื่อสอบถามแล้วไม่ได้มีการให้ความรู้ทางวิชาการใดๆ เลย กระทั่งเด็กๆ ทนไม่ไหวจึงขอยกเลิกการฝึกงานและเดินทางกลับประเทศไทยแต่ถูกปฏิเสธจากเจ้าของฟาร์มดังกล่าวและอาจารย์เจ้าของโครงการความร่วมมือดังกล่าว ดังนั้นพวกเขาจึงได้หนีไปขอความช่วยเหลือสถานเอกอัคราชฑูตประเทศไทยประจำเกาหลีใต้กระทั่งได้รับการช่วยเหลือให้เดินทางกลับในที่สุด

พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวอีกว่าคดีดังกล่าวทาง พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ทางตำรวจคลี่คลายคดีทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.จึงได้มอบหมายให้ตนเป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดี ทำให้ชุดคลี่คลายคดีได้เดินทางไปยังประเทศเกาหลีใต้แล้ว 2 ครั้งและสอบปากคำในประเทศแต่หลายครั้ง กระทั่งได้รวมบรวมหลักฐานและพยานขออนุมัติหมายจับบุคคลทั้งหมด โดยวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมาได้เปิดปฏิบัติการออกจับกุมอาจารย์ที่ดูแลโครงการพานักศึกษาไปฝึกงานที่ประเทศเกาหลีใต้และชาวเกาหลีใต้คนดังกล่าวซึ่งยังอยู่ที่กรุงเทพฯ ได้ในที่สุด ปัจจุบันได้นำตัวมาดำเนินคดีที่ สภ.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุแล้วเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ กระนั้นคดีนี้ทาง ผบ.ตร.ได้กำชับให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดต่อไป

Advertisement

รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับคดีดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2560 ได้มีนักศึกษาจากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงราย 8 คน เข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรม จ.เชียงราย ว่าถูกกระทำดังกล่าวทำให้ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จ.เชียงราย เพราะปรากฎเรื่องการลวนลามหรืออนาจารนักศึกษาหญิงคนหนึ่งทำให้เกิดความไม่พอใจแก่นักศึกษาและผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมีกรณีผู้อ้างเป็นนักข่าวรายหนึ่งโทรศัพท์ขอสัมภาษณ์นักศึกษารายหนึ่งแต่ทางนักศึกษาไม่สามารถให้สัมภาษณ์ช่วงนั้นได้ก็มีการต่อว่าจนเกิดเป็นวิวาทะกันขึ้นทำให้เกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โตและได้รับความสนใจในที่สุด

กระทั่งต่อมาทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบพบข้อพิรุธในการส่งนักศึกษาไปฝึกงานที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยพบว่าเป็นโครงการที่ทางวิทยาลัยฯ ได้ร่วมกับองค์กรนิติบุคคลโอลไลฟ์ ประเทศเกาหลี มีชาวเกาหลีใต้เป็นผู้อำนวยการและมีการสร้างฟาร์มสตอเบอรี่ภายในวิทยาลัยจำนวน 2 หลังระหวางปี 2559-2560 ภายในมีการปลูกพืชสาธิตให้เป็นอย่างดีและมีแผนจะทำแปลงเกษตรลักษณะนี้ใน จ.เชียงราย จึงได้ขอให้มีการส่งนักศึกษาไปศึกษาดูงานเบื้องต้นที่เมืองซุงจู จ.ซุงซองบุกโด ประเทศเกาหลีใต้ โดยมีการทำข้อตกลงระหว่างวิทยาลัยและนิติบุคคลดังกล่าว

Advertisement

จากนั้นให้ผู้อำนวยการวิทยาลัย รองผู้อำนวยการวิทยาลัย และอาจารย์รวม 4 คน รวมทั้งผู้ประสานงานเดินทางไปเยือนเมืองดังกล่าวก่อนจะทำข้อตกลงพานักศึกษาไปศึกษาดูงาน 3 จุดคือฟาร์มพืชผักและข้าวอินทรีย์, แปลงสตรอเบอร์รี และฟาร์มโคเนื้อ โดยให้ฝึกภาษาล่วงหน้า 1 เดือน มีเงื่อนไขให้ฟาร์มในประเทศเกาหลีใต้ออกค่าเดินทาง ที่พักและอาหารการกินให้กับศึกษา ต่อมาจึงมีการส่งนักศึกษาเดินทางไปชุดแรก 2 คนเป็นเวลา 1 เดือน และรุ่นที่ 2 จำนวน 4 คนเป็นเวลา 2 เดือน และรุ่นที่ 3 จำนวน 8 คนดังกล่าวโดยกำหนดให้อยู่นาน 3 เดือนจนถึงวันที่ 22 มิ.ย.2560 โดยมีเงื่อนไขเพิ่มเติมว่าหากอยู่ครบจะได้รับทุนการศึกษาคนละ 20,000 บาทด้วย แต่ปรากฎว่าได้เกิดปัญหาการลวนลามและการใช้งานอย่างหนักทำให้นักศึกษาพากันหนีจนกลับจนเกิดเป็นคดีความดังกล่าว

เมื่อปี 2560 ช่วงร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่นักศึกษาหญิงคนหนึ่ง กล่าวว่ามีการลวนลามจริงและเมื่อดูจากทำเนียมชาวเกาหลีแล้วไม่ได้ทำแบบนี้ เช่น กอด จูบ เมื่อนั่งรถไปด้วยกันก็มักจะเอามือมาวางตรงขาอ่อน ชอบมาหาตอนเช้าและกลางคืน ฯลฯ ทำให้พวกตนทนไม่ไหวจึงแจ้งอาจารย์แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้กลับจึงไปแจ้งกับตำรวจเกาหลีใต้และพากันไปยังสถานเอกอัครราชทูต แต่เนื่องจากไม่มีเงินติดตัวเลยจึงต้องเดินเท้าระยะทาง 8 กิโลเมตรจึงได้รับการช่วยเหลือให้กลับประเทศไทย ขณะที่บางคนระบุว่าต้องตื่นทำงานตั้งแต่เวลา 07.00-19.30 น.อย่างหนักทั้งขนไม้ โลหะ ฯลฯ ซึ่งไม่ตรงกับสายงานแต่เป็นแรงงานมากกว่า.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image