‘สรท.’ มองสหรัฐขู่เก็บภาษีจีนเพิ่ม ระยะสั้นได้อานิสงค์เชิงบวก ระยะยาวต้องพัฒนาศักยภาพเพื่อส่งออกดีขึ้น

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า หากสถานการณ์ยังคงตึงเครียดไปเรื่อยๆ ทั้ง 2 ประเทศจะมีทางออกเป็นของตัวเองคือ การย้ายซัพพลายเชนไปยังประเทศอื่นๆ แทน โดยจีนเองอาจต้องเริ่มมองหาฐานการผลิตในหลากหลายประเทศมากขึ้น ซึ่งทั้ง 2 ประเทศ ต่างมีฐานการผลิตอยู่ในประเทศของกันและกันอยู่แล้ว ทำให้ต้องกระจายฐานการผลิตออกมา โดยทั้งสหรัฐและจีน จะต้องย้ายฐานการผลิตออกมาอยู่ในประเทศแถบอาเซียนมากขึ้น เพื่อให้สินค้าที่ส่งออกจากอาเซียนไม่ถูกกำแพงภาษีที่ตั้งไว้ระหว่างกัน อันนี้เป็นภาพที่ประเมินทางออกของทั้ง 2 ประเทศไว้ เพราะดูเหมือนว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐและจีน ดูจะคุยกันยากมากขึ้นแล้ว หลังจากมีท่าทีไม่ยอมลดความแรงให้แก่กัน

นายวิศิษฐ์กล่าวว่า เมื่อสหรัฐและจีน ย้ายฐานการผลิตไปในประเทศอื่นๆ มากขึ้น จะส่งผลทำให้ตัวเลขสัดส่วนการส่งออกในการค้าโลกเปลี่ยนไป โดยจะมีบางประเทศที่ได้อานิสงค์ในการส่งออกสินค้าเข้าไปทดแทน ตัวอย่างง่ายๆ คือ ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่าน เริ่มเห็นผลชัดเจนว่ามีบางสินค้าที่สามารถผลิตได้เหมือนจีน ก็สามารถส่งออกไปยังสหรัฐได้มากขึ้น เพื่อทดแทนจีน ซึ่งหากเป็นแบบนี้ จีนก็ต้องพยายามหาวิธีในการผลิตสินค้าเพิ่ม หรือผลิตเองในสินค้าที่มีความสามารถ และเข้ามาลงทุนในประเทศอื่น เพื่อส่งออกตามเดิม

“ในแง่ของประเทศไทย ขณะนี้ได้อานิสงค์ในเชิงบวกมากกว่า เพราะสามารถส่งสินค้าไปทั้ง 2 ประเทศทดแทนกันได้ แต่ในระยะกลางและยาว หากไม่มีการปรับตัว ในแง่การพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพและมีมาตรฐานมากขึ้น เพื่อยกระดับสินค้าตอบสนองเทคโนโลยี หรือการเปลี่ยนแปลงของตลาดต่อเนื่อง ไทยก็อาจเสียตลาดให้กับประเทศอื่น ที่เปลี่ยนแปลงและพัฒนาทัน รวมถึงมีการเข้าไปลงทุนตั้งฐานการผลิตของทั้งจีนและสหรัฐได้ ซึ่งส่วนนี้จะโยงกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของไทยด้วยเช่นกัน ว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร หากรูปแบบการค้าเดิมเปลี่ยนแปลงไป ตัวเลขการส่งออกของจีนและสหรัฐจะลดลง แล้วตัวเลจเหล่านั้นจะมากระจายตัวในประเทศอื่นๆ ที่หลากหลายมากขึ้นแทน จึงมองว่าจากเหตุการณ์นี้สร้างอานิสงค์ในเชิงบวกมากกว่า” นายวิศิษฐ์กล่าว

นายวิศิษฐ์กล่าวว่า หากมีการย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น จะต้องประเมินระหว่างผลเชิงลบและเชิงบวกให้ดี ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อมีต่างขาติเข้ามาลงทุนในไทย ผ่านการตั้งโรงงานผลิตต่างๆ ไทยจะได้ประโยชน์ในส่วนของการจ้างแรงงาน และมูลค่าเพิ่มในประเทศ เพราะการผลิตสินค้าแต่ละอย่าง ไม่สามารถจ้างแรงงานแล้วผลิตได้ครบทั้งหมด ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ ด้วย ซึ่งส่วนนี้ต้องประเมินดีๆ เพื่อให้เกิดการกระจายการจ้างงานไปในทุกภาคส่วน โดยหากมีการลงทุนในจังหวัดใด จังหวัดนั้นก็น่าจะมีความคึกคักมากขึ้นในด้านการใช้จ่ายมากขึ้น ได้ประโยชน์ในเรื่องการบริการด้านการขนส่ง หรือบริการอื่นๆ เพิ่มเติม โดยไทยจะต้องหาโอกาสและประโยชน์ในการดูแลโรงงานการฐานการผลิตใหม่ๆ ผ่านการให้บริกานเพิ่มเติม อาทิ การขนส่งพนักงาน การดูแลน้ำและไฟ หรือการบำบัดน้ำเสีย เนื่องจากตอนนี้ประเทศไทยไม่ได้มีแรงงานจำนวนมากเหมือนที่ผ่านมา จึงต้องผลักดันให้คนที่มีความสามารถในแต่ละด้าน สามารถตอบสนองในภาคบริการเพิ่มเติมได้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image