เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. เห็นชอบถอดประเทศจีนและเกาหลีใต้พ้นจากบัญชีประเทศกลุ่มเสี่ยงการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ขณะที่ยังคงมาตรการคัดกรองเข้มข้นในการเดินทางเข้าไทย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เป็นเพราะทั้งสองประเทศสามารถควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19ได้เป็นอย่างดี และยังเป็นการรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตและสนับสนุนซึ่งกันและกัน แต่เมื่อจะเดินทางเข้าไทยต้องปฏิบัติตามมาตรการของไทยเคร่งครัด
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. กล่าวว่า กรณีที่มีความวิตกว่าคนจีนและเกาหลีใต้จะทะลักเข้ามาประเทศไทย ไม่ต้องกังวล เพราะยังมีมาตรการคัดกรองหลายอย่างคือ 1.ยังไม่ได้ให้เครื่องบินโดยสารทั่วไปเข้ามา 2.การทำเรื่อง Fit to Fly หรือการออกใบรับรองแพทย์ และ 3.ต้องเข้าสู่สถานที่กักกันของรัฐและของท้องถิ่น มาตรการ 3 ข้อนี้ใครจะเข้ามาคงต้องคิดหนัก
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม มีประเด็นที่น่าสนใจในต่างประเทศ นักวิจัยจากห้องปฏิบัติการแห่งชาติ ลอส อลาโมส (LANL) หนึ่งในห้องปฏิบัติการวิจัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก สังกัดกระทรวงพลังงานสหรัฐ ระบุว่า การกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 อาจเพิ่มปัญหาการพัฒนาวัคชีน เนื่องจากเชื้อโควิด-19 ที่อุบัติขึ้นในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน มีการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ ที่ติดต่อได้ไวขึ้น และกำลังระบาดหนักในสหรัฐฯวลานี้ ซึ่งกำลังจับตาว่าโควิด-19สายพันธุ์ใหม่นี้ จะอ่อนกำลังลงเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นในช่วงฤดูร้อนเหมือนไวรัสโคโรนาที่ทำให้เกิดโรคหวัดตามฤดูกาลหรือไม่ หรือจะกลายพันธุ์ต่อไป หากเป็นเช่นนั้นก็ทำให้เกิดข้อจำกัดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนไวรัสโควิด-19 ที่ทั่วโลกกำลังเร่งพัฒนากันอยู่ เนื่องจากนักวิจัยส่วนหนึ่งใช้ลำดับพันธุกรรมของไวรัสโคโรนาในช่วงแรกๆ ของการแพร่ระบาดเป็นตัวตั้งต้นการพัฒนาวัคซีน
