นางศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า หลังจากได้ร่วมหารือกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สมาคมโรงแรมไทยได้มีข้อเสนอ เพื่อให้รัฐบาลพิจารณาลดผลกระทบที่เกิดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด 19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม ที่ได้รับความเสียหาย โดยมีข้อเสนอ 7 ด้าน ได้แก่ 1.กระตุ้นให้ธุรกิจกลับมาเร็วที่สุด ขอให้รัฐบาลจัดงบประมาณประชุมสัมมนาของภาครัฐ โดยใช้โรงแรมที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมเป็นหลัก และกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ให้มีการจัดประชุมสัมมนา และดูงานข้ามจังหวัดได้ รวมถึงขอให้มีมาตรการทางภาษีให้ธุรกิจเอกชนสามารถนำค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมสัมมนาไปลดหย่อนภาษีค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า โดยเริ่มตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2563- 31 ธันวาคม 2564 ซึ่งขณะนี้การหักลดหย่อนภาษีได้ที่ 1.5 เท่า ระหว่าง 1 มกราคม -31 ธันวาคม 2563 และขอให้บุคคลธรรมดา สามารถนำค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวไปใช้หักลดหย่อนภาษีรายได้ส่วนบุคคลได้ 2 เท่า ในวงเงิน 30,000 บาทต่อปี โดยเริ่มตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2563 – 31 ธันวาคม 2564 แต่มีเงื่อนไขต้องใช้จ่ายผ่านโรงแรมที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น
นางศุภวรรณกล่าวว่า 2.ขอให้รัฐบาลเข้มงวดกับโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม โดยกระบวนการจับกุมของเจ้าพนักงาน ตาม พ.ร.บ โรงแรมทุกครั้ง ขอให้มีเจ้าพนักงาน พ.ร.บ ควบคุมอาคาร ร่วมเป็นพนักงานจับกุมอยู่ด้วย และดำเนินคดีทั้งการฝ่าฝืน พ.ร.บ. โรงแรม และพ.ร.บ. ควบคุมอาคาร โดยเสนอให้ลงโทษด้วยการระงับใช้อาคาร เนื่องจากนำอาคารมาใช้ผิดประเภท แก้บทลงโทษให้รุนแรงขึ้น โทษปรับ การประกอบธุรกิจโรงแรมปัจุบัน ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และปรับรายวันไม่เกินวันละ 10,000 บาท เปลี่ยนเป็น ปรับ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท และปรับรายวันเท่าเดิม รวมถึงแก้บทลงโทษให้รุนแรงขึ้น โทษปรับการประกอบธุรกิจโรงแรมปัจุบัน ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และปรับรายวันไม่เกินวันละ 10,000 บาท เปลี่ยนเป็นปรับ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท ปรับรายวันเท่าเดิม 3.ขอให้มีมาตรการทางภาษี สนับสนุนการลงทุน เพื่อพัฒนามาตรฐานของโรงแรม ให้โรงแรมสามารถนำค่าใช้จ่ายในการลงทุนไปหักภาษีได้ 3 เท่า สำหรับการลงทุนตั้งแต่ 1 มีนาคม 2563 – 31 ธันวาคม 2564 ในการลงทุนด้านการซ่อมบำรุง ปรับปรุงอาคาร สถานที่ประกอบการ และการลงทุนในด้านสุขอนามัย การหมุนเวียนของอากาศภายในอาคาร เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงการลงทุนซื้อเครื่องจักรต่างๆ ทั้งที่ไม่ช่วยหรือช่วยประหยัดพลังงาน
นางศุภวรรณกล่าวว่า 4.ขอเลื่อนการชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นปลายปี และขอส่วนลดในช่วงที่มีการปิดกิจการชั่วคราว 5.เรื่องการจ่ายเงินชดเชยการว่างงานของสำนักงานประกันสังคมเป็นมาตรการที่ดีมาก แต่ในทางปฏิบัติยังไม่มีการจ่ายเงินชดเชยการว่างงานจากการที่ผู้ประกอบการปิดกิจการชั่วคราว โดยที่เจ้าพนักงานให้เหตุผลว่าไม่สามารถวินิจฉัยได้ เนื่องจากแนวปฏิบัติจากส่วนกลางยังไม่ถูกกำหนดลงมา 6.การเปิดน่านฟ้า เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขอให้ไม่ใช้มาตรการกักตัว 14 วัน แต่ให้มีมาตรการสร้างความเชื่อมั่นในด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของประเทศไทย อาทิ ให้มีการตรวจหาโควิด-19 ก่อนเดินทางเข้ามายังประเทศไทย และ 7.ขอให้จัดทำฐานข้อมูลขนาดใหญ่ สำหรับข้อมูลของโรงแรมในประเทศทั้งหมด
“ข้อเสนอทั้งหมดเป็นเสนอให้ดำเนินการหลังจากคลายล็อกดาวน์แล้ว และกลับมาเป็นปกติแล้ว โดยเฉพาะการไม่ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะกลับมาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย กักตัว 14 วัน เพราะหากโควิด-19 จบแล้ว มีความพร้อมในการต้อนรับการกลับมาเดินทางอีกครั้ง การกักตัวก็คงไม่จำเป็น แต่ต้องมีมาตรการที่เข้มขนในการคัดกรองต่างชาติทุกคน โดยสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ที่น่าจะยังไม่กลับมาในเร็วๆ นี้แน่นอน เพราะเชื่อว่าคงยังไม่มีใครอยากออกเดินทางในช่วงที่ความปลอดภัยยังไม่เต็ม 100% โดยเชื่อว่าหากจะมีการเริ่มออกเดินทาง ก็จะเป็นในส่วนของตลาดไทยเที่ยวไทยก่อน เพราะน่าจะมีความพร้อมและความต้องการมากที่สุด โดยมองว่าประเทศไทยน่าจะกลับมาเข้าสู่สถานการณ์ปกติได้ประมาณเดือนสิงหาคมนี้ และไม่น่าจะเกิน เพราะก็ปิดมานานแล้ว สำหรับการกลับมาเริ่มต้นเปิดโรงแรมและให้บริการใหม่อีกครั้ง เบื้องต้นสมาคมฯได้ทำงานร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการสร้างมาตรฐานใหม่ในภาคการท่องเที่ยวคือ ตราสัญลักษณ์ชา (SHA) โดยผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข เพื่อให้ได้ตราสัญลักษณ์มา ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นใจในการใช้บริการของลูกค้ามากขึ้น” นางศุภวรรณกล่าว
