นครราชสีมา – วันที่ 10 พฤษภาคม นายวิเชียร จัทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และนางณัฏฐินีภรณ์ จันทรโณทัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด จัดทำโครงการสนับสนุนข้าวและอาหารแก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่อาจแพร่เชื้อโรคโควิด-19 ที่ต้องพักกักตนเองเป็นเวลา 14 วัน ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข มอบเครื่องอุปโภค บริโภค ช่วยเหลือผู้ที่กักตนเอง 14 วัน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอพิมาย จ.นครราชสีมา
นายอำนวย ปองนาน นายอำเภอพิมาย กล่าวว่า อ.พิมาย ประสานสาสาธารณสุขอำเภอพิมาย มอบหมายอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) สำรวจผู้ที่กักตัวในที่พักที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ซึ่งเป็นผู้มีรายได้ไม่เพียงพอในการเลี้ยงดูตนเอง และครอบครัว อ.พิมาย มีผู้กักตัวสมควรได้รับความช่วยเหลือ 12 ตำบล จำนวน 430 ราย และมอบช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุเกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มขึ้น 2 ตำบลมี ต.ท่าหลวง ต.ดงใหญ่ บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 32 หลังคาเรือน นายอำนวยฯ กล่าว
นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา มีการคัดกรองประชาชน ในห้วงตั้งแต่ วันที่ 3 มกราคม – 8 พฤษภาคม ทั้งหมด 93,948 คน พบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์ตรวจหาเชื้อ จํานวน 875 ราย โดยเป็นรายเก่า 855 ราย รายใหม่ 20 ราย ไม่พบเชื้อ จํานวน 850 ราย และต้องรอผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ อีกจํานวน 6 ราย ส่วนผู้ป่วยยืนยันโรค COVID – 19 ยังคงที่ 19 ราย ไม่พบผู้ป่วยเพิ่ม 10 วันติดต่อกันแล้ว ซึ่งนับเป็นความสำเร็จที่ทุกภาคส่วนในจังหวัดฯ ได้ให้ความร่วมมือร่วมใจกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะทีมแพทย์และพยาบาลเจ้าหน้าที่ ที่ช่วยกันรักษาดูแลผู้ติดเชื้อกันอย่างเต็มที่ จนล่าสุด มีผู้ป่วยรักษาหาย เพิ่มอีก 1 ราย รวมรักษาหายและกลับบ้านได้แล้วจํานวน 16 ราย ยังคงมีรักษาอยู่ อีก 3 ราย โดยอยู่ที่ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา 1 ราย โรงพยาบาลสูงเนิน 1 ราย และโรงพยาบาลโชคชัย 1 ราย ซึ่งภาพรวมทั้ง 3 ราย มีอาการดีขึ้น และรอผลการตรวจหาเชื้อซ้ำในวันนี้ (10 พ.ค.) อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดยังคงต้องดําเนินมาตรการเฝ้าระวังโรคโควิด-19 อย่างเข้มข้นต่อไป โดยผู้ที่มาจาก 10 จังหวัดคือ 1.กทม. 2.ภูเก็ต 3.นนทบุรี 4.ยะลา 5.สมุทรปราการ 6.ชลบุรี 7.ปัตตานี 8.สงขลา 9.เชียงใหม่ และ 10.จังหวัดปทุมธานี ที่จะเดินทางเข้าจังหวัดนครราชสีมา บุคคลเหล่านี้จะต้องแจ้งผู้นําชุมชน หรือ อสม.ภายใน 24 ชั่วโมงนับตั้งแต่เวลาที่มาถึงจังหวัดนครราชสีมา และจะต้องกักกันตัวเองที่บ้าน 14 วัน เพื่อเฝ้าระวังอาการและวัดอุณหภูมิหรือวัดไข้ หากไม่สามารถกักตัวเองที่บ้านได้ ทางอำเภอจะส่งตัวไปกักตัวในสถานที่ที่จัดเตรียมไว้
กรณีผู้ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ที่มีความจําเป็นต้องมาปฏิบัติงาน มาติดต่อราชการ หรืออื่นๆ ขอให้บันทึกรายงานที่หน่วยงานซึ่งไปติดต่อ หรือในพื้นที่นั้นๆ โดยต้องผ่านการคัดกรอง วัดอุณหภูมิ และซักประวัติ พร้อมแจ้งว่า หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจจะเดินทางต่อไปที่ใด ซึ่งระหว่างที่อยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา ต้องปฏิบัติตัวตามมาตรการของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่ออย่างเคร่งครัด
