“ซาบีน่า”ปรับกลยุทธ์รับ NewNormal เปิดไลน์ผลิตหน้ากากผ้า กลายเป็นสิ่งจำเป็น

นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA เปิดเผยว่าจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ส่งผลให้หน้ากากผ้ากลายเป็นของใช้จำเป็นในการชีวิตประจำวัน บริษัทฯ จึงเดินหน้าทำตลาดหน้ากากผ้าอย่างจริงจัง โดยแบ่งการผลิตออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การรับผลิต (OEM) ให้กับองค์กรต่างๆ ซึ่งตอนนี้มียอดสั่งผลิตรวมแล้วกว่า 5 ล้านชิ้น รวมถึงการผลิตหน้ากากนาโนป้องกันไรฝุ่นภายใต้แบรนด์ “วิน-มาสก์” จำนวน 2 แสนชิ้นให้กับโรงพยาบาลศิริราช โดยหลังจากนี้บริษัทฯ จะรุกทำตลาดองค์กร (Corporate) เพื่อผลิตหน้ากากผ้าให้กลุ่มเป้าหมาย เช่น โรงพยาบาล ร้านอาหาร ร้านกาแฟ รวมถึงบริษัทห้างร้าน และหน่วยงานต่างๆ ที่ต้องการหน้ากากผ้าคุณภาพดีสำหรับแจกจ่ายให้กับพนักงานในองค์กรหรือลูกค้า

“ในส่วนของการรับผลิตนั้น ซาบีน่าได้รับการตอบรับที่ดีมากจากหน่วยงานต่างๆ ที่ติดต่อเข้ามา เนื่องจากความไว้วางใจต่อคุณภาพที่ดีของสินค้า เชื่อว่าตลาดยังโตได้อีกมาก เนื่องจากหลังจากวิกฤติโควิด-19 คลี่คลาย ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ แต่ทุกอย่างจะเป็นความปกติภายใต้มาตรฐานใหม่หรือ “นิว นอร์มอล” (New Normal) ที่หน้ากากผ้ายังมีความจำเป็นอย่างมาก โดยขณะนี้โรงงานผลิตของซาบีน่าทั้ง 5 แห่ง ที่ยโสธร, ชัยนาท, บุรีรัมย์,พุทธมณฑลสาย 5 และท่าพระ สามารถรองรับคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาได้อย่างต่อเนื่อง”

Advertisement

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้ผลิตหน้ากากผ้าภายใต้แบรนด์ “SABINA” พร้อมวางจำหน่ายหน้ากากผ้า Triple Mask (ทริปเปิ้ล มาส์ก) ในเดือนพฤษภาคมนี้ เป็นหน้ากากผ้าพรีเมียมปกป้อง 3 ชั้น ด้วยนวัตกรรม MagicSilver Innovation ช่วยยับยั้งแบคทีเรียได้ระดับหนึ่ง ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐาน SEK จากประเทศญี่ปุ่น สามารถซักและนำมาใช้ซ้ำได้ จำหน่ายชิ้นละ 100 บาท จะเริ่มขายผ่านช่องทางออนไลน์ของซาบีน่าทั้งทางเฟซบุ๊ค และไลน์ ตลอดจนจุดขายพิเศษใหม่ๆ และเตรียมพร้อมวางขายหน้าร้านเมื่อจุดขายเปิดทำการตามปกติ

ก่อนหน้านี้ซาบีน่าได้จำหน่ายหน้ากากผ้า ภายใต้คอลเลคชั่น “ThaiFruit” จำหน่ายชิ้นละ 150 บาท พร้อมกับชุดชั้นในคอลเลคชั่นเดียวกันเจาะกลุ่มลูค้าวัยรุ่น ด้วยจุดเด่นลายหน้ากากผ้าและชุดชั้นในเป็นลวดลายผลไม้ไทยสัสันสดใสรับกับซัมเมอร์นี้ ทำให้ยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว

“หลังจากนี้การสวมหน้ากากผ้าจะกลายเป็นรูปแบบปกติของการใช้ชีวิตในวิถีใหม่ เพราะนอกจากเรื่องของการแพร่ระบาดของไวรัสแล้ว ยังมีเรื่องของฝุ่น PM 2.5 ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยด้านสุขภาพที่จะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น ธุรกิจจึงต้องปรับตัวตามวิถีใหม่ที่จะเกิดขึ้น”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image