นายศักดิ์บวร พุกกะณะสุต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) (INSET) เปิดเผยผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 1/63 มีรายได้รวม 221 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 256 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 19 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการทยอยส่งมอบงานตามแผน และรายได้งานซ่อมบำรุงและบริการสัญญา 5 ปี (recurring income) ปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) คงเหลือ 1,935.28 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/63 แม้จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แต่บริษัทฯยังคงรักษาระดับกำไร ไม่ให้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้รายได้จาก Backlog จำนวน 204 ล้านบาท และรับรู้รายได้จากโปรเจคใหม่ 15 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการรวม 84 ล้านบาท
“ยอมรับว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้เป็นอุปสรรคกับการส่งมอบงาน อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมุ่งมั่นหางานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของงานโทรคมนาคมภาครัฐและเอกชน เพื่อผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และพยายามรักษาระดับ Backlog ให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้”
กรรมการผู้จัดการ INSET กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัว หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เริ่มดีขึ้น บริษัทพร้อมเข้าร่วมประมูลงานด้านโทรคมนาคมของภาครัฐและเอกชน พร้อมเดินหน้าติดตั้งระบบอย่างต่อเนื่อง หลังค่ายมือถือแต่ละแห่งเข้าสู่โหมดการลงทุนรอบใหม่หลังได้รับใบอนุญาตคลื่น 5G ทำให้มั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ในปี 2563 จะเติบโต 10-15 % สร้างสถิติสูงสุดใหม่ โดยปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) เกือบ 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ราว 600-700 ล้านบาท ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้ไปถึง 5 ปี (2567)
นายศักดิ์บวรกล่าวว่า ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในการประชุมครั้งที่ 3/2563 เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้พิจารณากำหนดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 ในวันที่ 17 มิถุนายนนี้ เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมของบริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 (Record Date) ในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ และให้ยกเลิกวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้น (เดิม) ที่กำหนดไว้ในวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา
