‘นายกฯ’ ลั่นลงโทษครูข่มขืนนร.เต็มอำนาจกม. ป้ามล-มูลนิธิเด็ก ลงพื้นที่มุกดาหารวันนี้ ชี้ต้องดึงเด็กออกจากมุมมืด ไม่ใช่ทำร้าย

‘นายกฯ’ ลั่นลงโทษครูข่มขืนนร.เต็มอำนาจกม. ป้ามล-มูลนิธิเด็ก ลงพื้นที่มุกดาหารวันนี้ ชี้ต้องดึงเด็กออกจากมุมมืด ไม่ใช่ทำร้าย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ครู 5 คน รุมข่มขืนนักเรียน 2 คน ที่จังหวัดมุกดาหาร แต่กลับมีผู้ใหญ่ในพื้นที่ออกมาพยายามปกป้องครู และโทษเป็นความผิดนักเรียนแทน ว่า เรื่องนี้ต้องดำเนินการตามกฏหมาย ต้องลงโทษเต็มอำนาจตามกฏหมาย ถ้ามีการกระทำความผิดและมีหลักฐานชัดเจน อย่างไรก็ตามครูถือเป็นบุคลากรสำคัญควรจะต้องทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและสังคม

**สมศักดิ์ เสนอให้อัยการ ขอสืบพยานล่วงหน้า

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รับหนังสือจาก นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก พร้อมนายชูวิทย์ จันทรส เลขาธิการมูลนิธิ เด็ก เยาวชน และครอบครัว ฯ ที่กระทรวงยุติธรรม ซึ่งเรียกร้องให้นำครอบครัวของนักเรียนนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาที่ 2 และ 4 ผู้เสียหายที่ถูกครู 5 คนและรุ่นพี่ 2 คน ข่มขืนที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.มุกดาหาร เข้าสู่กระบวนการคุ้มครองพยาน เนื่องจาก ผู้ต้องหาทั้งหมดได้รับการประกันตัวทำให้น่าเป็นห่วงว่าผู้เสียหายและครอบครัวว่ะน่าจะถูกข่มขู่คุกคาม เอาชีวิตและอาจเสียหายต่อรูปคดี เนื่องจากเหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้ก่อเหตุจำนวนมากและมีการกระทำกันเป็นขบวนการมายาวนานหลายปีและอาจมีอิทธิพลอำนาจแฝงเข้ามาเกี่ยวข้อง

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ได้รับเรื่องแล้ว เห็นว่า ได้รับหนังสือแล้วมีความเห็นตรงกันว่าจำเป็นจะต้องเร่งเข้าไปให้การเยียวยาจิตใจของเด็กที่ถูกกระทำ โดยจะร่วมมือกับมูลนิธิเด็กและเยาวชน เข้าไปให้ความช่วยเหลือโดยเร็ว โดยในวันพรุ่งนี้ (13พ.ค.) จะลง พื้นที่จังหวัดมุกดาหาร เพื่อประสานเรื่องคดี เนื่องจากการสืบสวนในคดีทั่วไปมักจะใช้เวลานานประมาณ 3 เดือน และส่งให้อัยการพิจารณาอีกประมาณ 3 เดือน จึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการไต่สวนที่ศาล ดังนั้น จึงต้องเร่งรัดขอให้พนักงานสอบสวนประสานกับอัยการจังหวัดมุกดาหารสืบพยานไว้ก่อนฟ้อง ซึ่งเป็นอำนาจพิเศษ ตามประมวลกฎหมายป.อาญามาตรา 237 ทวิ ซึ่งกรณีนี้ ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นเนื่องจากจำเลยมีอิทธิพลต่อโจทย์ในการข่มขู่ เป็นครูอาจารย์มีผลทำให้ผู้เสียหายกระทบกระเทือนจิตใจ หากปล่อยเวลานานไปเด็กอาจไม่อยากไปให้ปากคำ ดังนั้นจึงจะเร่งประสานให้พนักงานสอบสวนประสานไปยังอัยการจังหวัดมุกดาหารเพื่อเร่งดำเนินการโดยเร็ว คดีประเภทนี้ไม่อยากให้จบลงด้วยการเจรจายอมความ เพราะผู้เสียหายเป็นเด็กและเยาวชนซึ่งไม่ควรถูกกระทำในลักษณะนี้

Advertisement

**ป้ามล จวกครูกล่าวหาเด็กขายบริการ ตรรกะวิบัติ ทำร.ร.ไม่ต่างจากซ่อง

นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวน(ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก กล่าวว่า การละเมิดสิทธิเด็กในสถานศึกษา มีตลอดเวลา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า มันบอกว่า เด็กๆ ไม่ปลอดภัยในโรงเรียนแห่งนั้น มันไม่ใช่แค่การปฏิรูปการเรียนการสอน แต่ต้องปฏิรูปจิตวิญญาณของคนเป็นครูด้วย กระทรวงศึกษาธิการต้องสังคยานาครั้งใหญ่ เราเชื่อว่า ครูดีมีเยอะในโรงเรียน แต่ทำอย่างไรให้ครูดีเหล่านั้นกล้าหาญ ที่จะกระโดดออกมาปกป้องเด็กๆ ไม่ใช่ปล่อยให้ทุกคนคิดไปหมดเลยว่า ในเมื่อเด็กขายบริการ ก็ไม่แปลกที่ครูจะซื้อบริการ ซึ่งจริงๆ มันแปลก ไม่แปลกได้อย่างไร วิธีคิดนี้ต้องแก้ที่ผู้ใหญ่ ดังนั้น โรงเรียนก็ไม่ต่างจากซ่อง คนที่คิดแบบนี้แค่คิดก็ผิดแล้ว สังคมไม่ควรให้น้ำหนักกับพวกนี้ เพราะต่อให้เด็กขายบริการทางเพศ หน้าที่ของเราคือ ต้องดึงเด็กออกจากมุมมืดนั้นให้ได้ ไม่ใช่ทำร้ายเด็ก

“สิ่งที่น่าเศร้าใจอีกเรื่องคือมุมมองความคิดของครูบางส่วนที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งมุ่งไปทางกล่าวโทษให้ร้ายเด็ก ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายถูกกระทำเป็นผู้เสียหาย และสื่อสารไปในทางปกป้องผู้ก่อเหตุ เสมือนหนึ่งว่าเรื่องแบบนี้ใครๆ ก็ผิดพลาดกันได้ ซึ่งถือเป็นตรรกวิบัติที่ไม่ควรเกิดขึ้นในคนที่มีวิชาชีพครู การให้โอกาส ให้ความรัก ความเมตตาลูกศิษย์ต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ มิใช่การใช้อำนาจที่เหนือกว่าทั้งกายภาพและหน้าที่การงาน มาเป็นโอกาสในการข่มขืน คุกคามทางเพศเช่นนี้ ซึ่งครูที่บอกว่า เด็กเสียไปแล้ว เด็กขายบริการ ในฐานะครูไม่ใช่พ่อเล้า ไม่ใช่คนใช้บริการ เราต้องดึงเด็กออกมา มีกองทุน แหล่ง ทุนจำนวนมากที่จะช่วยเด็กลำบากยากจน ถ้าครูเป็นครูด้วยจิตวิญญาณ ไม่ใช่ใช้เงินซื้อบริการทางเพศเด็ก อย่างนั้นคือ คุณแค่เป็นคนสอนหนังสือ ไม่ใช่เป็นครู” นางทิชากล่าว และว่า ครั้งนี้ทีมงานตั้งใจเข้าไปช่วยเหลือเด็กและครอบครัวผู้เสียหายอย่างเต็มที่ในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมจนสุดทาง โดยจะลงพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร วันที่ 13 พฤษภาคม

**‘ครูหยุย’ สั่งประธานอนุกมธ.กิจการเด็ก ตามปัญหา แนะทางออก รมว.ศธ.ต้องทำงานเร็ว

นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือครูหยุย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา เปิดเผยว่า กรณีนี้ถือเป็นภาพสะท้อนที่น่าสะเทือนใจ เพราะถือเป็นบุคคลที่ควรมีจิตวิญญาณสูงกว่าคนทั่วไป ควรมีความเมตตาต่อเด็ก ขณะที่ปัจจุบันมีการกรอบการลงโทษของบุคคลที่ใกล้ชิดกับเด็กให้มีโทษเพิ่มขึ้น และปัญหาที่เกิดขึ้นเชื่อว่ากระบวนการหล่อหลอมความเป็นครูยังไม่ลึกซึ้งเพียงพอหรือไม่ ที่ทำให้ครูมีสติแยกแยะในเรื่องนี้

“ได้สั่งให้ประธานอนุกรรมาธิการกิจการเด็กฯติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องทุกมิติ สำหรับ ทางออก ของเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการต้องทำงานให้เร็ว กลไกการบริหารจัดการเพื่อให้สำนวนไปถึงอัยการต้องเร็ว มีความเป็นธรรม อย่าให้มีการกลั่นแกล้ง หากผู้บริหารสถานศึกษาต้นสังกัดทำงานล่าช้า เข้าข่ายประวิงเวลา ผู้ใช้อำนาจที่เหนือกว่าก็ต้องสั่งจัดการให้เด็ดขาด เพราะเกณฑ์การปฏิบัติในเรื่องนี้ของกระทรวงศึกษาได้วางกรอบการทำงานไว้แล้วอย่างชัดเจน แต่การปฏิบัติจริงยังแย่ เด็กที่มีปัญหาแบบนี้ต้องมีสถานที่เรียนแห่งใหม่ที่ดีกว่าเดิม แต่ที่ผ่านมาบางโรงเรียนพบว่าเมื่อเด็กนักเรียนมีสัมพันธ์ระหว่างกัน ผู้บริหารไล่นักเรียนหญิงที่ตั้งครรภ์ให้ออกไปเรียนที่อื่น แต่ให้นักเรียนชายอยู่ในโรงเรียนเดิม ซึ่งเป็นเรื่องแปลก” นายวัลลภกล่าว

**ชาวบ้านสะเทือนใจ วอนคัดสรรครูดีๆ มาแทน ชุมชนมีส่วนร่วม

นางแพรนวล สิงห์ใส แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวในโรงเรียนดงมอนวิทยาคม อายุ 47 ปี ชาวหมู่ 1 ตำบลดงมอน กล่าวว่า พอทราบเรื่องตามที่เห็นเป็นข่าวก็ตกใจว่ามันเป็นไปได้ไง ปกติครูจะทำอะไรในสิ่งที่ไม่ดีต้องควรคิดให้เยอะกว่านี้ มีความรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นครูอยู่กับเด็กตามลำพัง เห็นคุยตามปกติ อย่างไรก็ตาม อยากให้ปรับปรุงภูมิทัศน์ของโรงเรียนใหม่ ไม่ให้ดูรกร้าง โดยเฉพาะบ้านพักครูก็อยู่ลึกเข้าไปด้านหลังของโรงเรียนซึ่งไกลจากชุมชนมาก ทางโรงเรียนน่าจะมีมาตรการป้องกัน มีกล้องวงจรปิด มีครูเวร และใกล้จะเปิดเทอมแล้ว ทางโรงเรียนขาดครู 5 คน ถ้ามีครูมาใหม่ก็ขอให้เป็นครูที่ดี ขอให้คัดสรรครูดีๆ มาแทน และควรให้ชุมชนมีส่วนร่วมและได้รับรู้ด้วย เมื่อมีเรื่องขึ้นมาทางชาวบ้านในชุมชนก็วิพากษ์วิจารณ์ในทางไม่ดี ผู้ปกครองอุตส่าห์ฝากลูกฝากหลานไปเรียน ครูไม่น่าทำ ถ้าเกิดขึ้นกับลูกใครก็เป็นเรื่องที่ไม่ดี นักเรียนที่จะเข้ามาเรียนใหม่ก็คงหวาดระแวง รวมทั้งพ่อแม่ผู้ปกครองคงหวาดระแวงว่าลูกเราเข้าไปแล้วจะเป็นอย่างไร อยากฝากถึงผู้อำนวยการโรงเรียนดำเนินการให้มีมาตรการป้องกันให้ดีกว่านี้ ให้มีไฟส่องสว่าง เพราะบ้านพักครูอยู่ไกลมาก โดยรวมบ้านพักครูเป็นป่าเยอะ อยากให้มีการพัฒนาให้มันเป็นที่โล่งแจ้ง มีการเข้าเวรยามร่วมกับชุมชนเพื่อช่วยกันดูแลรักษาความปลอดภัย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image