แฉลุงแท็กซี่ หอบเงินบริจาค 8 ล้านหนีหาย เจ้าของอู่ยันหนี้ไม่ใช้ เล่าเรื่องโกหก

เจ้าของอู่แฉลุงแท็กซี่ หอบเงินบริจาค 8 ล้านหนีหาย หนี้ไม่ใช้ เล่าเรื่องโกหก

จากกรณีโลกออนไลน์แชร์เรื่องราวของ ลุงสิทธิ์ชัย ใกล้ชิด อายุ 72 ปี ซึ่งเป็นคนขับแท็กซี่ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาว่าชีวิตเหมือนหนังในละคร และตอนนี้ก็ไม่มีกินแล้ว ต้องปรับตัวเองให้อยู่รอด เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่ารถวันละ 300 บาท เลยต้องมารับจ้างส่งพัสดุแทนรับส่งผู้โดยสาร

หลังมีการเผยแพร่ออกไปในโลกโซเชียลมีคนหลั่งไหลโอนเงินเข้ามาช่วยในคืนเดียวกว่า 8 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้ลุงสิทธิ์ชัยบอกว่า จะเอาไปสร้างบ้านอยู่เพราะยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง และจะนำเงินไปบริจาคช่วยเหลือโรงพยาบาล รักษาผู้ป่วยโควิด ซื้ออุปกรณ์ดับไฟป่า และให้มูลนิธิ เพื่อคนขับแท็กซี่ และยังบอกว่าบ้านที่อยู่ก็เป็นบ้านเช่าและอยู่คนเดียวนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 13 พ.ค. นายปรีชา ชุ่มสมบัติ อายุ 49 ปี เจ้าของอู่แท็กซี่ มังกรเจ้าพระยา ที่นายสิทธิ์ชัย ใกล้ชิด อายุ 72 ปี มาเช่ารถแท็กซี่ขับอยู่ ได้เปิดใจกับ ‘ ข่าวสดออนไลน์ ‘ กรณีของ นายสิทธิ์ชัย ซึ่งเป็นคนขับแท็กซี่ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาว่าตัวเดือดร้อน จนทำให้มีคนบริจาคเงินเข้ามาให้กว่า 8 ล้านบาท จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้และไม่ยอมจ่ายหนี้อีกเลย

นายปรีชากล่าวว่า นายสิทธิ์ชัยนั้นเคยขับรถอยู่ที่อู่รถของตัวเอง และเราก็รู้จักกันมาหลายปีแล้ว รู้จักทั้งตัวของนายสิทธิ์ชัยเอง และลูกชาย โดยในครั้งแรกที่ตนเห็นข่าวว่านายสิทธิ์ชัยออกมาร้องไห้ ว่าตัวเองนั้นอยู่คนเดียว ไม่มีใครดูแล ชีวิตลำบาก ตนมีความย้อนแย้งอยู่ในใจตลอดเวลา รู้ว่านายสิทธิ์ชัยโกหก เพราะความจริงแล้ว เขาอยู่กับลูกชาย และลูกสาว และทั้งคู่ก็ทำงาน ไม่ได้ตกงาน ส่วนบ้านที่อาศัยอยู่นั้นก็เป็นบ้านของ ภรรยา ที่เลิกรากันไปแล้ว

Advertisement

นายปรีชากล่าวว่า รู้นายสิทธิ์ชัยโกหก แต่ที่ไม่ออกมาพูด เพราะว่าตอนนั้นถ้าเราออกมาพูดหลายคนก็จะบอกว่าเราอิจฉา แต่ในวันนี้ ที่ตัดสินใจออกมาพูดคือ นายสิทธิ์ชัยค้างหนี้ตนและไม่ยอมจ่าย เฉพาะของ นายสิทธิ์ชัยติดตน 1,400 บาท ส่วนของลูกชายติดตน 13,970 บาท ในช่วงที่ นายสิทธิ์ชัยได้เงินบริจาคมา 8 ล้าน ตนก็ยังไม่ได้ไปทวงเงินเลย เพราะคิดว่าเขามีเงินจำนวนมากขนาดนั้น เขาต้องคืนเรา จนกระทั่งเขาหายไปเลย

นายปรีชากล่าวว่า ได้พยายามติดต่อทางลูกชายไป ครั้งแรก มานั่งคุยกัน มีการทวงเงิน ลูกชายก็บอกว่า เดี๋ยวจะจัดการให้ ตนบอกว่า ถ้าหากไม่จัดการ ตนจะแฉเรื่องทั้งหมด ตัวของลูกชายเองก็บอกว่า เขาเครียดมาก เพราะรู้ว่าพ่อตัวเองให้ข่าวโกหก แต่ทำอะไรไม่ได้ จะพยายามติดต่อและเคลียร์เงินให้ แต่พอนานไป ตนทวงหลายรอบ ลูกชายเองก็ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว ตนจึงไปหาที่บ้าน ก็ทราบจากเพื่อนบ้านว่าตั้งแต่นายสิทธิ์ชัยได้เงิน 8 ล้านบาท ก็ไม่เคยเห็นกลับมาอยู่ที่บ้านนั้นอีกเลย

ก่อนหน้านี้ นายสิทธิ์ชัยก็เคยติดหนี้ตน แต่ก็ไม่คืนเช่นเดียวกัน ทวงหลายรอบ ก็มีการทะเลาะกันทุกรอบ โดย นายสิทธิ์ชัยจะเป็นฝ่ายอารมณ์ขึ้นทุกครั้ง และจะบอกเสมอว่า ถ้าอยากได้ให้ไปฟ้องเอา ตนนั้นเจ็บกับนายสิทธิ์ชัยมาเยอะ เขาเป็นคนที่อยากจะออกมาขับรถก็มา อยากจะหายไปก็หายไปเลย ซึ่งถ้าหากนายสิทธิ์ชัย ฟังอยู่ ก็อยากจะให้เอาเงินมาใช้หนี้ เพราะเงินที่ได้ไปนั้น ถ้าหากเอามาใช้หนี้ตน มันก็ไม่เดือดร้อน

Advertisement

ขอบคุณข้อมูลข่าวสดออนไลน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image