วันที่ 13 พฤษภาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันนี้ว่า หุ้นเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ1,299.69 จุด ปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 1,299.77 จุด ก่อนปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 1,294.55 จุด ปรับลดลง 5.14 จุดหรือ 0.40% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,303.28 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,290.47 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่62,241.08 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 478.93 ล้านบาท นักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 204.16 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 4,028.97 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ3,345.88 ล้านบาท โดยระหว่างวัน ดัชนีลบมากสุด 9.22 จุด บวกมากสุด 3.59 จุด
โดยนายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยปิดในแดนลบ โดยดัชนีลดลงตามบรรยากาศของตลาดหุ้นสหรัฐ ที่ไม่สดใสมากนัก โดยสาเหตุมาจากความกังวลการควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ และความขัดแย่งระหว่างสหรัฐและจีน ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐผ่อนคันเร่งลง ส่วนตลาดหุ้นยุโรป เปิดมาดัชนีเคลื่อนไหวล้อไปกับตบาดหุ้นสหรัฐ ไม่แตกต่างจากตลาดหุ้นเอเชีย ที่เคลื่อนไหวในแดนลบเกือบทั้งหมด แต่ก็มีบางตลาดที่ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวก สวนทางภาพรวมได้บ้างอาทิ มาเลเซีย ที่ประกาศตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ หรือไต้หวัน ที่ควบคุมโรคได้ค่อนข้างดี รวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจก็ได้รับผลกระทบน้อยกว่าประเทศอื่น ทำให้ภาพรวมตลาดหุ้นเอเชียดูจะเคลื่อนไหวไม่สอดคล้องกันมากนัก ขณะที่ตลาดหุ้นไทย เมื่อดัชนีเคลื่อนเข้าใกล้ระดับ 1,300 จุด ก็เกิดแรงขายทำกำไรออกมากดดันตลาดเป็นธรรมดา หลังจากรอบที่ผ่านมา ดัชนีปรับขึ้นมาทดสอบระดับดังกล่าว แต่ไม่สามารถผ่านไปได้ จึงมีจังหวะพักและแกว่งตัวบ้าง แต่ในภาพรวมยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค
นายณัฐพลกล่าวว่า ปัจจัยความกังวลการกลับมาระบาดรอบ 2 ของโควิด-19 ในฝั่งสหรัฐและยุโรป ถือว่าเป็นปัจจัยที่มีน้ำหนักในการกดดันตลาดหุ้นสูงมาก เนื่องจากเห็นภาพการกลับมาตรวจหาเชื้อในเชิงรุกของเกาหลี หรือจีน แม้จำนวนผู้ติดเชื้อจะไม่ได้เร่งตัวขึ้นแบบรุนแรงมากนัก แต่ก็สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนในระดับหนึ่ง เพราะความจริงแล้วตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในขณะนี้หลายประเทศเริ่มทรงตัว แต่ตัวเลขไปเร่งขึ้นในประเทศใหม่เพิ่มเติมแทนอาทิ รัสเซีย ละตินอเมริกา ประกอบการการที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับขึ้นมาแล้วกว่า 26% เฉพาะตลาดหุ้นไทยขึ้นมาแล้วกว่า 30% จึงมีจังหวะของการพักฐานของดัชนีบ้าง สำหรับกลยุทธ์ที่แนะนำในการลงทุน เน้นเล่นหุ้นที่คาดการณ์ว่าผลประกอบการไตรมาส 1/2563 จะออกมาดี อาทิ กลุ่มเกษตรอาหาร กลุ่มเครื่องดื่ม และหุ้นที่จะเข้าคำนวณในดัชนีเอ็มเอสซีไอ อาทิ บีเอเอ็ม เอดับบลิวซี เคทีซี รวมถึงกลุ่มที่สามารถเก็งเรื่องอัตราดอกเบี้ย รับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ประเมินว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยลงอีกครั้งหรือไม่