นายสดาวุธ เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทําให้เศรษฐกิจโลกปี 2563 หยุดชะงักและหดตัวแรง อัตราการว่างงานพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ความผันผวนในตลาดทุน กลุ่มธุรกิจ อุตสาหกรรมได้รับผลกระทบรุนแรงเช่น กลุ่มขนส่ง และสถาบันการเงิน อย่างไรก็ตาม บางธุรกิจกลับเติบโตสวนกระแส กำไรเพิ่มขึ้นและคงมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง อาทิ ธุรกิจเทคโนโลยีทางการแพทย์, ธุรกิจบริการด้านการสื่อสาร และกลุ่มเทคโนโลยีและมีแนวโน้มเติบโตสูงต่อเนื่องในระยะยาว นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกด้วยการสนับสนุนด้านนโยบายการเงินและการคลังจากรัฐบาลของหลายประเทศ เช่น ธนาคารกลางทั่วโลกปรับลดนโยบายดอกเบี้ยและเพิ่มปริมาณการซื้อสินทรัพย์ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากโคสิด-19 ทั้งยังมีการคาดการณ์ผลประกอบการของแต่ละบริษัทที่จะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่น่าจะฟื้นตัวและกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2564 บลจ. เอ็มเอฟซีจึงมองเป็นโอกาสลงทุนในหุ้นคุณภาพ เติบโตสูงและยั่งยืน
นายสดาวุธปล่าวว่า บลจ.เอ็มเอฟซีจึงแนะนำกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล โฟกัส (เอ็มจีเอฟ) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารทุนประเภท Feeder Fund มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Threadneedle Global Focus Fund (กองทุนหลัก) ซึ่งบริหารโดย Threadneedle Management Luxembourg S.A. เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่า 80% ของเอ็นเอสี ซึ่งกองทุนหลักจดทะเบียนจัดตั้งที่ประเทศลักเซมเบิร์ก พร้อมทีมบริหารกองทุนและทีมนักวิเคราะห์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญด้านการลงทุน โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารทุนทั่วโลก โดยมุ่งหวังสร้างอัตราผลตอบแทนสูงในระยะยาว และกองทุนหลักมีจุดเด่นที่สำคัญคือ มีกระบวนการลงทุนที่สร้างความแตกต่างในเชิงคุณภาพที่ชัดเจน โดยเน้นการวิเคราะห์และคัดเลือกหุ้นของบริษัทที่มีความได้เปรียบทางด้านการแข่งขันเชิงธุรกิจ ทำให้สามารถทำกำไรเติบโตสูงและยั่งยืน ทั้งยังมีศักยภาพสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาว กองทุนหลักยังได้รับการจัดอันดับเรตติ้ง 5 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์ โดยกองทุนเอ็มจีเอฟ มีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน
“กองทุนเอ็มจีเอฟเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่มีคุณภาพดี มีการเติบโตสูงอย่างยั่งยืน และผู้ลงทุนสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศได้สำหรับผู้สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 1,000 บาท ซื้อและขายคืนได้ทุกวันทำการ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง ความเสี่ยงกองทุนอยู่ที่ระดับ 6 โดยผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน กองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวนอาจขาดทุน หรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และหรือได้รับเงินลงทุนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก โดยติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง ผลการดำเนินงานของกองทุนหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)“ นายสดาวุธกล่าว