นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ ประธานกรรมการ บริษัท ไพร์มโรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “PRIME” เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 1/2563 ว่า บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้ประโยชน์จากค่าเงิน เมื่อเปรียบเทียบกับงบการเงินในธุรกิจโรงไฟฟ้าในช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ จะมีรายได้รวม 185.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.85% จากรายได้รวม 164.25 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปี 2562 และมีกำไรสุทธิ 91.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.34% จากกำไรสุทธิ 78.83 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปี 2562 โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิประมาณ 48.86% ซึ่งนับว่าสูงที่สุดแห่งหนึ่งในกลุ่มโรงไฟฟ้า
“ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์โดยการควบรวมกับบริษัท Food Capitals (FC) เมื่อปลายปีก่อน จึงทำให้งบการเงินไตรมาส 1 ของปี 2562 ที่แสดงในเว็บไซต์ของ SET ยังเป็นของ FC ดังนั้นหากเทียบกับงบของธุรกิจเก่า จะเห็นการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญของรายได้และกำไรสุทธิของบริษัทฯ โดยมีการเติบโตของรายได้ 30% และกำไรสุทธิ 1,192%”
นายสมประสงค์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ 1,000 ล้านบาท ทั้งจากสัญญาขายไฟให้กับรัฐ และการรับเหมาติดตั้ง Solar Rooftop พร้อมวางกลยุทธ์ “Go Inter” มุ่งลงทุนโซลาฟาร์มในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ “Go Local” มุ่งพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดในประเทศ โดยเตรียมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนของกระทรวงพลังงาน ซึ่งคาดว่าจะประกาศรายละเอียดในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังศึกษาการลงทุนโครงการในต่างประเทศจำนวนมาก เพื่อคัดเลือกโครงการที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดสำหรับผู้ถือหุ้นและสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงให้บริษัทฯ
ทั้งนี้โอกาสการลงทุนจากหลากหลายประเทศเข้ามา จากที่บริษัทฯ ชนะการประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่สุดในกัมพูชา ที่ธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) เป็นผู้วางแผนรวมถึงช่วยจัดประมูลให้รัฐบาลกัมพูชา ซึ่งบริษัทคาดว่าจะมีโอกาสขยายการลงทุนในประเทศกัมพูชาได้เพิ่มเติมในอนาคต
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลก กำลังปรับตัวสู่พลังงานสะอาด เพื่อสร้างความยั่งยืนแก่สังคมและสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ มั่นใจว่าจะเอื้ออำนวยต่อแผนการขยายพอร์ตการผลิตไฟฟ้า จากปัจจุบัน 287 เมกะวัตต์ เป็น 1,000 เมกะวัตต์ภายใน 5 ปี โดยคาดว่าการเติบโตจะมาจากทั้งการลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยอาศัยจุดแข็งของบริษัท คือ ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการ โรงไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ความได้เปรียบด้านต้นทุน มีพันธมิตรธุรกิจระดับโลก และการได้รับ การยอมรับในระดับสากล รวมถึงจากสถาบันการเงินระดับนานาชาติ อีกทั้ง ผู้บริหารของบริษัทฯ มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการ พลังงานทดแทนในไทยกว่า 10 ปี โดยในส่วนการลงทุนต่างประเทศ บริษัทฯ มุ่งเน้นประเทศที่มีศักยภาพ เติบโตสูง และความต้องการพลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก อาทิ มาเลเซีย เวียดนาม มองโกเลีย และอุซเบกิสถาน