PRIME โชว์งบ Q1 กำไรเติบโต 16% มั่นใจธุรกิจโตต่อเนื่องรับเทรนด์พลังงานสะอาด

นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ ประธานกรรมการ บริษัท ไพร์มโรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “PRIME” เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 1/2563 ว่า บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้ประโยชน์จากค่าเงิน เมื่อเปรียบเทียบกับงบการเงินในธุรกิจโรงไฟฟ้าในช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ จะมีรายได้รวม 185.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.85% จากรายได้รวม 164.25 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปี 2562 และมีกำไรสุทธิ 91.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.34% จากกำไรสุทธิ 78.83 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปี 2562 โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิประมาณ 48.86% ซึ่งนับว่าสูงที่สุดแห่งหนึ่งในกลุ่มโรงไฟฟ้า

“ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์โดยการควบรวมกับบริษัท Food Capitals (FC) เมื่อปลายปีก่อน จึงทำให้งบการเงินไตรมาส 1 ของปี 2562 ที่แสดงในเว็บไซต์ของ SET ยังเป็นของ FC ดังนั้นหากเทียบกับงบของธุรกิจเก่า จะเห็นการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญของรายได้และกำไรสุทธิของบริษัทฯ โดยมีการเติบโตของรายได้ 30% และกำไรสุทธิ 1,192%”

นายสมประสงค์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ 1,000 ล้านบาท ทั้งจากสัญญาขายไฟให้กับรัฐ และการรับเหมาติดตั้ง Solar Rooftop พร้อมวางกลยุทธ์ “Go Inter” มุ่งลงทุนโซลาฟาร์มในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ “Go Local” มุ่งพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดในประเทศ โดยเตรียมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนของกระทรวงพลังงาน ซึ่งคาดว่าจะประกาศรายละเอียดในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังศึกษาการลงทุนโครงการในต่างประเทศจำนวนมาก เพื่อคัดเลือกโครงการที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดสำหรับผู้ถือหุ้นและสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงให้บริษัทฯ

ทั้งนี้โอกาสการลงทุนจากหลากหลายประเทศเข้ามา จากที่บริษัทฯ ชนะการประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่สุดในกัมพูชา ที่ธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) เป็นผู้วางแผนรวมถึงช่วยจัดประมูลให้รัฐบาลกัมพูชา ซึ่งบริษัทคาดว่าจะมีโอกาสขยายการลงทุนในประเทศกัมพูชาได้เพิ่มเติมในอนาคต

Advertisement

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลก กำลังปรับตัวสู่พลังงานสะอาด เพื่อสร้างความยั่งยืนแก่สังคมและสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ มั่นใจว่าจะเอื้ออำนวยต่อแผนการขยายพอร์ตการผลิตไฟฟ้า จากปัจจุบัน 287 เมกะวัตต์ เป็น 1,000 เมกะวัตต์ภายใน 5 ปี โดยคาดว่าการเติบโตจะมาจากทั้งการลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยอาศัยจุดแข็งของบริษัท คือ ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการ โรงไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ความได้เปรียบด้านต้นทุน มีพันธมิตรธุรกิจระดับโลก และการได้รับ การยอมรับในระดับสากล รวมถึงจากสถาบันการเงินระดับนานาชาติ อีกทั้ง ผู้บริหารของบริษัทฯ มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการ พลังงานทดแทนในไทยกว่า 10 ปี  โดยในส่วนการลงทุนต่างประเทศ บริษัทฯ มุ่งเน้นประเทศที่มีศักยภาพ เติบโตสูง และความต้องการพลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก อาทิ มาเลเซีย เวียดนาม มองโกเลีย และอุซเบกิสถาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image