เอ็มจี ZS ไมเนอร์เชนจ์ เสริมหล่อ-อุปกรณ์จุใจ : โดย นายพล

เอ็มจี ZS ไมเนอร์เชนจ์ เสริมหล่อ-อุปกรณ์จุใจ : โดย นายพล

ค่าย เอ็มจี เปิดเกมรุกรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็กไปอีกขั้นด้วยการเปิดตัว เอ็มจี แซดเอส ไมเนอร์เชนจ์ มาพร้อมนิยาม สมาร์ท อัพ (SMART UP) สมาร์ทเอสยูวี ออกแบบภายใต้แนวคิด บริท ไดนามิก (BRIT DYNAMIC) เอกลักษณ์ของเอ็มจี

ภายนอกเสริมหล่อด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ออกแบบเส้นสายด้านข้างแบบ บริทิช โชลเดอร์ ไลน์ (British Shoulder Line) ด้วยความโค้งมนเอกลักษณ์ของเอ็มจี ปรับไฟหน้าเป็นแบบแอลอีดี โปรเจ็กเตอร์ ควบคุมการเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน (DAYTIME RUNNING LIGHT) และไฟท้ายแบบแอลอีดี เสริมความดุดันด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว

ออกแบบภายในอย่างพิถีพิถันเพิ่มขึ้น ด้วยห้องโดยสารแบบสปอร์ตสีทูโทนและการใช้วัสดุ ซอฟต์ ทัช (SOFT TOUCH) ให้ความรู้สึกนุ่ม ห่อหุ้มบริเวณคอนโซล พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นและหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะขนาด 7 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ (Digital Multi-Function Display) และหน้าจอ ทัช สกรีน ขนาดใหญ่ 10 นิ้ว รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ แอปเปิล คาร์เพลย์ และระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดียกับสมาร์ทโฟนระบบแอนดรอยด์ พร้อมช่องเชื่อมต่อยูเอสบี สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

Advertisement

ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัลที่มีระบบกรองอากาศเพื่อกรองฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง พร้อมที่พักแขนด้านหน้า รวมไปถึงระบบกุญแจรีโมตอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมสตาร์ตเครื่องยนต์ด้วยปุ่มพุชสตาร์ต หลังคาซันรูฟขนาดใหญ่แบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof)

เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาทีผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ใหม่ 8 สปีด และสามารถปรับโหมดพวงมาลัยได้ถึง 3 โหมด คือ โหมดซิตี้ (City) สำหรับการขับขี่ในเมือง โหมดสแตนดาร์ด (Standard) สำหรับการขับขี่ทั่วไป และโหมดสปอร์ต (Sport) สำหรับการขับขี่สไตล์สปอร์ต

ช่วงล่างตามแบบ ยูโร จูนนิ่ง ซัสเพนชั่น (EURO TUNING SUSPENSION) ระบบช่วงล่างหน้าแบบ แม็กเฟอร์สัน สตรัต (MacPherson Strut) พร้อมเหล็กกันโคลงและช่วงล่างหลังแบบทอร์ชั่นบีม (Torsion Beam) จะทำให้การควบคุมในการขับขี่มีความลงตัวมากขึ้น

ระบบอัจฉริยะ ไอ-สมาร์ท (i-SMART) มาพร้อมระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ ไอ-สมาร์ท (i-SMART) เอกสิทธิ์เฉพาะของเอ็มจี สามารถสั่งการระบบผ่านคำสั่งเสียงภาษาไทยหรือควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ผ่านสมาร์ทโฟน พร้อมยกระดับความสมาร์ทเพื่อความปลอดภัย ด้วยระบบอีเมอร์เจนซี่ คอลล์ (Emergency Call) จะมีการโทรและส่งข้อความระบุพิกัดรถไปยังเบอร์โทรที่ได้มีการตั้งค่าไว้เมื่อถุงลมนิรภัยในรถทำงานทำให้การเข้าช่วยเหลือทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สามารถเชื่อมต่อโลกออนไลน์เลือกฟังเพลงได้ทั้งรูปแบบออนไลน์และสตรีมมิ่ง ระบบค้นหาร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว พร้อมนำทางและรายงานการจราจรแบบเรียลไทม์ รวมทั้งการอ่านข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้

สามารถตรวจสอบสถานะรถยนต์และเตือนเมื่อมีสถานะผิดปกติ สั่งการล็อกหรือปลดล็อกประตูรถค้นหารถด้วยระบบไฟนด์ มาย คาร์ ช่วยค้นหาศูนย์บริการรวมถึงการบันทึกการดูแลรักษารถตามระยะ ผ่าน เอ็มจี โมบาย แอพพลิเคชั่น

เทคโนโลยีความปลอดภัย มาแบบเต็มขั้น ทั้งโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) พร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป (SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM) ทำงานผสานกัน ประกอบด้วยระบบป้องกันการไหลของรถ AVH (Auto Vehicle Hold) ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Brake System) ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution) ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)

ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System) ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) ระบบควบคุมความเร็วรถขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control System) ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ระบบจำกัดความเร็ว ASL (Active Speed Limit)

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) และระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา (Around View Monitor) พร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบไอโซฟิกซ์ (ISOFIX)

ถุงลมนิรภัยด้านหน้าและด้านข้างรวม 6 จุด และระบบกุญแจนิรภัยแบบ อิมโมบิไลเซอร์ (Immobilizer) โดยอุปกรณ์ที่ติดตั้งจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น

แซดเอส ไมเนอร์เชนจ์ มี 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น ซีพลัส (C+) ดีพลัส (D+) และรุ่นสูงสุด รุ่นท็อปคือ เอ็กซ์พลัส (X+) พร้อมสีตัวถังทั้งหมด 4 สี คือ สีขาว อาร์กติก ไวท์ (Arctic White) สีแดง สการ์เลต เรด (Scarlet Red) สีเงิน ซิลเวอร์ เมทัลลิก (Silver Metallic) และสีดำ แบล๊ก ไนท์ (Black Knight)

ราคาจำหน่าย รุ่น C+ 689,000 บาท รุ่น D+ 739,000 บาท และ รุ่น X+ 799,000

โดยรวมแซดเอสไม่ใช่รถที่มีสมรรถนะการขับขี่และช่วงล่างโดดเด่นอะไร ทว่าได้เกียร์ใหม่ทำให้ขับสบายขึ้น แต่คงไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับรถยนต์อเนกประสงค์เน้นขับในเมือง มีจุดเด่นคือยัดทะนานอุปกรณ์ต่างๆ ใส่มาแบบจุใจ แบบไม่เกรงใจคู่แข่งกันเลยทีเดียว แถมราคาก็น่าสนใจไม่น้อย ลองเจอแบบนี้รถประเภทเดียวกันทั้งขาใหญ่ขาเล็ก หนาวกันเป็นแถวเลยทีเดียวเชียว

นายพล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image