นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงฯ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้หารือกันเบื้องต้น ในการของบประมาณเพิ่มเติมจากพ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท ประมาณ 1-2 หมื่นล้านบาท เพื่อฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว ผ่านการซ่อมและสร้างแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงสิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวข้อง อาทิ สะพาน ถนน ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมสิ่งที่ต้องซ่อมบำรุง หรือสร้างใหม่ขึ้นมา โดยการสร้างใหม่จะเป็นการสร้างสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ขึ้นมา ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การท่องเที่ยวเชิงชุมชน เพื่อให้มีการกระจายรายได้สู่ชุมชนมากขึ้น โดยจะมีการประชุมร่วมกับททท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เข้ามาร่วมด้วย ในฐานะประธานบอร์ดททท. โดยจะต้องหารือร่วมกัน เพื่อให้นโยบายในการทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เบื้องต้นจะนำรายละเอียดเข้าหารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในช่วงปลายเดือนนี้ หลังจากนั้นจะนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาอีกครั้ง
“เป้าหมายทั้งหมดอยู่ที่ทั้งปี 2563 ภาคการท่องเที่ยวจะมีรายได้อยู่ที่เท่าใด และจำนวนนักท่องเที่ยวจะทำได้ที่กี่คนเบื้องต้นประเมินว่าภายในไตรมาส 4 นี้ จะมีต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยแล้ว ซึ่งจะต้องหามาตรการ และมาตรฐานในการคัดกรองใหม่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากเชื่อว่าคงไม่สามารถรองรับการเดินทางเข้ามาได้แบบเสรีเหมือนที่ผ่านมา โดยนิวนอร์มอล หรือความปกติรูปแบบใหม่ จะกลายมาเป็นมาตรฐานที่สร้างข้อจำกัด และข้อปฏิบัติเพิ่มเติมให้กับภาคการท่องเที่ยวไทย แต่ต้องทำให้ได้เพื่อสร้างความมั่นใจในการเดินทางต่อไป โดยในอดีตที่ผ่านมา ภาคการท่องเที่ยวอาศัยรายได้หลักจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 66% ไทยเที่ยวไทย 34% เทียบกับสัดส่วนรายได้ ซึ่งหลังจากนี้จะใช้วิกฤตโควิด-19 ในการปรับสัดส่วนของรายได้ใหม่ เป็นต่างชาติ 60% ไทยเที่ยวไทย 40% หลังจากนั้นจะพยายามให้เป็น 50 ต่อ 50 ต่อไป” นายพิพัฒน์กล่าว
นายพิพัฒน์กล่าวว่า จากการลงพื้นที่เพื่อสอบถามผลกระทบของประชาชนและผู้ประกอบการในภาคการท่องเที่ยว พบว่า มีผู้ประกอบการหลายรายที่เรียกร้องให้กลับมาเปิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าภายในระยะเวลาสั้นๆ นี้ น่าจะเริ่มมีการออกเดินทางอีกครั้ง แต่การเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาเที่ยวในประเทศอีกครั้ง มองว่าคงต้องประเมินความเหมาะสมอีกครั้ง เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวจะเปลี่ยนเข้าสู่ยุคนิวนอร์มอล ซึ่งกระทรวงฯได้ทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณะสุข เพื่อกำหนดมาตรฐานในการเริ่มต้นเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง ตั้งแต่การเดินทาง การเข้าพัก และแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องทำตามมาตรฐานที่เพิ่มเข้ามา เพื่อป้องกันการกลับมาแพร่ระบาดของไวรัสระลอก 2
“เชื่อว่าความต้องการในการท่องเที่ยวของประชาชนยังมีอยู่มาก เนื่องจากที่ผ่านมาก็หยุดการเดินทาง ตามนโยบายของรัฐบาลเดือนกว่าแล้ว ทำให้น่าจะเริ่มอยากออกเดินทางมากขึ้นแล้ว และที่สำคัญคือ ในเดือนเมษายน ที่ผ่านมา มีการเลื่อนวันหยุดของเทศกาลสงกรานต์ออกไป จึงจะมีการหารือกับนายกรัฐมนตรี ในการนำวันหยุดเข้าไปสมทบในวันใด เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเชื่อว่าไทยจะสามารถผ่านวิกฤตโควิด-19 ได้ภายในใกล้ๆ นี้ รวมถึงอยากให้คนไทยหันมาเที่ยวในประเทศมากขึ้น เพื่อลดโอกาสในการนำเชื้อไวรัสกลับเข้ามาในประเทศไทยต่อไป” นายพิพัฒน์กล่าว
นายพิพัฒน์กล่าวว่า การประชุมครม. ที่ผ่านมา ได้มีการปลดล็อกประเทศจีนและเกาหลีใต้ ออกจากประเทศสุ่มเสี่ยง เพราะเห็นว่าการระบาดใน 2 ประเทศดังกล่าวได้ลดความร้อนแรงลงแล้ว จึงค่อนข้างมั่นใจว่า เมื่อเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาแล้ว จะมีนักท่องเที่ยวชาติเอเชียเข้ามามากกว่า ชาติสหรัฐอเมริกาหรือประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) เนื่องจากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ในประเทศแถบเอเชียมีความนิ่งมากกว่า ทวีปแรกที่จะเปิดให้เดินทางเข้ามา ก็คงเป็นระหว่างทวีปเอเชียเป็นที่แรก
