อย.-บช.ปส. เปิดผลงาน “ปฏิบัติการสยบไพรี 63/10” กวาดล้างขบวนการยาเสพติด ฉวยโอกาสช่วงโควิด-19 ค้าทางออนไลน์

อย. – บช.ปส. เปิดผลงาน “ปฏิบัติการสยบไพรี 63/10” กวาดล้างขบวนการยาเสพติด ฉวยโอกาสช่วงโควิด-19 ค้าทางออนไลน์

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ภกญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกับ พลตำรวจโทวิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นำโดยพลตำรวจโท ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเปิดผลงานปฏิบัติการสยบไพรี 63/10 ตรวจค้น 50 จุดทั่วประเทศ

ภกญ.สุภัทรา กล่าวว่า ขานรับนโยบาย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการปราบปรามยาเสพติดและผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน กวาดล้างขบวนการลักลอบขาย โฆษณายาเสพติดให้โทษ วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ยาแผนปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทางสื่อออนไลน์ ทั้งไลน์ อินสตาแกรม เฟสบุ๊ค โดย อย. ร่วมลงพื้นที่เข้าตรวจค้นแหล่งเก็บยา และสถานที่จัดส่งสินค้าแหล่งใหญ่ 4 จุด ย่านจรัญสนิทวงศ์ สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดและพบของกลางเป็นจำนวนมาก อาทิ 1.ยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 ได้แก่ โคคาอีน (Cocaine) 9 กรัม
2.ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ได้แก่ กัญชาแห้ง 3 กิโลกรัม กัญชาไฟฟ้าพร้อมสูบ 900 หลอด น้ำมันกัญชาแคปซูล 100 แคปซูล ใบกระท่อมสด 1 กิโลกรัม และเยลลี่กัญชา CBD 86 ซอง

ภกญ.สุภัทรา กล่าวต่อว่า 3.วัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 4 ได้แก่ โคลนาซีแพม (Clonazepam) 30,000 เม็ด 4.ยาแผนปัจจุบัน ได้แก่ ทรามาดอล (Tramadol) 1,000,000 เม็ด และยาน้ำแก้ไอ 4,000 ขวด 5.ผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ เยลลี่ไม่มีฉลาก 3 ถุง และบราวนี่ 500 กรัม และ 6.โรงเรือนปลูกกัญชาภายในอาคาร 1 ชุด รวมมูลค่าของกลางกว่า 30 ล้านบาท

Advertisement

“โดยเจ้าหน้าที่ อย. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ บช. บส. ติดตามผู้กระทำผิดมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562 ถึงปัจจุบัน จนพบกลุ่มไลน์ที่มีการลักลอบซื้อขายยาเสพติดให้โทษ วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ยาแผนปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งในแต่ละกลุ่มมีสมาชิกไม่ต่ำกว่า 300 คน และยังพบความเชื่อมโยงกับร้านขายยา “ร้านยาหวานขม” ซึ่งผู้รับอนุญาตขายยาแผนปัจจุบันในร้านดังกล่าว ต่อมาทราบชื่อคือ นายเกาะเพชร จุฬารักษ์ ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลกลุ่มและขายโดยใช้ชื่อ RANYAWANKHOM (ร้านยาหวานขม) จากการสืบสวนพบว่า กลุ่มไลน์นี้มีพฤติการณ์ลักลอบซื้อขายยาเสพติดทางสังคมออนไลน์ โดยส่งมอบยาเสพติดผ่านทางไปรษณีย์หรือระบบโลจิสติกส์ และโอนเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ยากต่อการเฝ้าระวัง ติดตามและขยายผลจับกุม” ภกญ.สุภัทรา กล่าว

ภกญ.สุภัทรา กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยล่อซื้อได้ยาเสพติด วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และยาแผนปัจจุบัน จนเจ้าหน้าที่สามารถสืบหาข้อมูลและหลักฐานการกระทำความผิดแน่ชัดนำมาสู่การจับกุมในครั้งนี้ ทั้งนี้ การกระทำความผิดดังกล่าวมีความผิดตามพระราชบัญญัติ (พรบ.)ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 พรบ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 พรบ.ยา พ.ศ. 2510 และ พรบ.อาหาร พ.ศ. 2522 มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี และปรับสูงสุดถึง 1 ล้านบาท

“ขอย้ำเตือนประชาชนอย่าร่วมมือกับผู้กระทำความผิด โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ฉวยโอกาสลักลอบซื้อขายยาเสพติดทางออนไลน์ เพราะนอกจากจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นเดียวกับผู้ขายแล้ว ยังอาจได้รับผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพมาตรฐาน หากบริโภคเกินขนาดหรือมีโรคประจำตัวแทรกซ้อนอาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ สำหรับเภสัชกรที่เป็นผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการในร้านขายยา หากพบว่า มีการเปิดร้านขายยาบังหน้าเพื่อสั่งวัตถุเสพติดให้ผู้กระทำความผิดลักลอบนำยาไปขายออกนอกระบบหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในขบวนการดังกล่าวจะถูกดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด และ อย. จะส่งเรื่องให้สภาเภสัชกรรมพิจารณาจริยธรรมต่อไป” ภกญ.สุภัทรา กล่าว

Advertisement

 

 

 

 

 

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image