‘เจดับเบิ้ลยูดี’ กวาดรายได้ไตรมาสแรกกว่า 966 ล้านบาท โตโดดเด่นท่ามกลางวิกฤตโรคระบาด

นายเอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือJWD ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนระดับอาเซียน เปิดเผยว่า แม้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตะสร้างผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ และธุรกิจในภาพรวมทั้งโลก แต่ในความเป็นจริง บริษัทฯยังสามารถดำเนินธุรกิจหลักได้ และในบางธุรกิจก็สามารถทำได้ดีมากขึ้นด้วย สะท้อนได้จากผลการดำเนินงานที่ออกมาเติบโตได้ดี สวนทางกับภาวะตลาดในขณะนี้ รวมถึงหากเปรียบเทียบกับธุรกิจโลจิสติกส์ประเภทเดียวกัน จะเห็นว่าบริษัทฯสามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่น แม้จะมีผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 เข้ามาก็ตาม โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2563 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 966.1 ล้านบาท เติบโต 7.7% จากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีรายได้รวม 896.8 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 93.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% จากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิ 89.2 ล้านบาท

นายเอกพงษ์กล่าวว่า รายได้และกำไรในไตรมาส 1/2563 ที่เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการขับเคลื่อนของธุรกิจธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็นมีรายได้ 188.4 ล้านบาท เติบโต 20.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสามารถเพิ่มปริมาณสินค้าที่รับจัดเก็บให้แก่ลูกค้ารายเดิมและขยายกลุ่มลูกค้ารายใหม่ ส่งผลให้มีอัตราการใช้พื้นที่เฉลี่ยสูงถึง 80% รวมถึงการที่ผู้ประกอบการเริ่มเห็นผลกระทบแล้วว่า หากไม่มีห้องเก็บสินค้า การกระจายสินค้าไปสู่ผู้บริโภคจะทำได้ยากมากขึ้น ห้องจัดเก็บสินค้าบริโภคจึงมีความต้องการมากขึ้นในปัจจุบัน ธุรกิจคลังสินค้าทั่วไปมีรายได้ 104.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ลูกค้าใช้ระยะเวลาจัดเก็บสินค้าในคลังนานขึ้น ธุรกิจห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่ามีรายได้ 5.7 ล้านบาท เติบโตกว่า 120% จากการขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ นอกจากนี้ยังได้รับส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนการลงทุนจากธุรกิจในต่างประเทศจำนวน25.1 ล้านบาท ส่วนธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์มีรายได้รวม 124.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้งานจากลูกค้ารายใหม่ แต่ธุรกิจดังกล่าวได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ชัดเจนขึ้น เพราะปริมาณงานในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ชะลอตัวลงตามภาพรวมอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบทั่วโลก แต่คาดว่าจะทยอยฟื้นตัวดีขึ้นหากสถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเทศเริ่มคลี่คลายได้ และขณะนี้ก็เริ่มมีหลายโรงงานกลับมาผลิตอีกครั้ง หลังจากหยุดชั่วคราวไปในช่วงที่ผ่านมา

ธุรกิจในเครือของบริษัทฯในไตรมาสแรก ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และไม่หนักเท่ากับบางอุตสาหกรรม เป็นการตอกย้ำว่าบริษัทฯเดินมาถูกทาง และสามารถจับกลุ่ใตลาดที่ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม ทั้งยังขยายธุรกิจครอบคลุมไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน อาทิ กัมพูชา เวียดนาม จึงลดความเสี่ยงของภาวะตลาดที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตต่างๆ ได้ โดยรายได้จากหลายธุรกิจยังขยายตัวได้ดี ประกอบกับได้มุ่งเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการขายและบริหาร โดยลดค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้กว่า 20 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับการลงทุนในโครงการใหม่ๆ อาจต้องชะลอเพื่อรอดูสถานการณ์ไตรมาสต่อไป 1-2 ไตรมาสก่อน เนื่องจากมีบางโครงการที่จะเข้าซื้อ ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 บางส่วน เพื่อให้เห็นภาพรวมและทิศทางของธุรกิจในระยะถัดไปมากขึ้นดร.เอกพงษ์ กล่าว

ด้านนายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD กล่าวว่า โควิด-19 เข้ามาทำให้ผู้ดำเนินธุรกิจในด้านโลจิสติกส์ต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งการให้บริการขนส่งสินค้าภายในประเทศท่ามกลางข้อจำกัดจากการประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิว และมาตรการล็อกดาวน์ในหลายจังหวัด การให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการปรับลดเที่ยวบิน ปรับเปลี่ยนสายการเดินเรือและการปิดด่านชายแดนบางแห่ง แต่ก็เป็นปัจจัยเร่งให้เกิดความต้องการใช้บริการโลจิสติกส์ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเกิดจากการปรับโมเดลของภาคธุรกิจต่างๆ เข้าสู่ช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่จะกลายเป็นนิวนอร์มอล หรือความปกติรูปแบบใหม่ จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการโลจิสติกส์ที่จะคิดค้นและพัฒนาโมเดลให้บริการที่หลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ตลอดจนสร้างสรรค์รูปแบบการให้บริการที่แตกต่างจากคู่แข่ง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image