โคราชสั่งปิดป่าอุทยานทับลาน ห้ามเข้าทุกกรณี หลังพบซากกระทิงป่า ถูกชำแหละ 1 ตัว
วันนี้ (17 พฤษภาคม พ.ศ. 2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 10 นาย พร้อมด้วยผู้นำชุมชนตำบลจระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เข้าตรวจสอบป่าคลองเสม็ด รอยต่อระหว่าง ท้องที่ ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี และ ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา หลังได้รับแจ้งจากผู้นำชุมชน ว่า พบซากกระทิง 1 ตัวตายอยู่ในบริเวณดังกล่าว ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางและตรวจสอบนานหลายชั่วโมง
ทั้งนี้จากการตรวจสอบสภาพป่าซึ่งเป็นสวนป่าและป่าเต็งรังธรรมชาติ จนพบซากกระทิงขนาดใหญ่ 1 ตัว ในสภาพซากศพแห้งกรัง จึงได้ทำการประสาน พนักงานสอบสวน สภ.วังน้ำเขียวและ ปศุสัตว์ อ.ครบุรี เข้าตรวจสอบและพิสูจน์ซากกระทิงตัวดังกล่าวอย่างละเอียด พบว่า เป็นกระทิงเพศเมีย อายุประมาณ 10-15 ปี ปลอกเขาทางซ้ายยังอยู่ ส่วนปลอกเขาทางขวาหลุดหายไป บริเวณหัวกะโหลกอยู่ครบ บริเวณกระดูกมีร่องรอยการชำแหล่ะนำเนื้อออกไป เนื้อและหนังที่เหลือแห้งกรัง ตรวจสอบไม่พบร่องรอยของกระสุนปืน สัตว์แพทย์ ไม่สามารถระบุสาเหตุการตายได้ เนื่องจากตายมาเป็นเวลากว่า 1 เดือน
จากการตรวจสอบบริเวณโดยรอบ พบแหล่งน้ำอยู่ใกล้ที่พบซากกระทิง อีกทั้งยังมีร่องรอยการทำห้างส่องสัตว์อยู่บนต้นไม้ 2 ต้น ที่ขึ้นอยู่ริมแหล่งน้ำ นอกจากนี้ ยังพบปลอกกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 ตกอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำ 1 ปลอก ขวดน้ำดื่ม และอุปกรณ์การเสพยาบ้าอยู่ใกล้กับซากกระทิงจำนวนหนึ่ง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
หลังจากที่เจ้าหน้าที่และพนักงานสอบสวนทำการตรวจสอบซากกระทิงอย่างละเอียด ได้ร่วมกันลงความเห็นว่า ซากกระทิงตัวดังกล่าวไม่สามารถเก็บรักษาซากไว้ได้ ประกอบกับบริเวณดังกล่าวเป็นป่าลึกไม่มีอุปกรณ์เครื่องมือเคลื่อนย้าย จึงจำเป็นต้องทำลายซากโดยการสุมเผา ณ บริเวณที่เกิดเหตุ จึงเก็บชิ้นเนื้อ กระดูก มูล แหล่งน้ำ ดินโป่ง ในบริเวณใกล้เคียงเพื่อนำไปตรวจสอบหาโรคระบาดในสัตว์ และสารพิษในร่างกายและสภาพแวดล้อม พร้อมทำการเก็บพยานวัตถุในที่เกิดเหตุ เพื่อเป็นหลักฐานประกอบในคดี และเป็นข้อมูลในการสืบสวนต่อไป ซึ่งการพบซากกระทิงในลักษณะนี้และพื้นที่บริเวณแถบนี้เป็นตัวที่ 2 แล้วในรอบเดือนพฤษภาคมนี้
ทั้งนี้ จากกรณีที่เกิดขึ้นแม้ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุของการเสียชีวิตที่แน่ชัดของกระทิงตัวนี้ได้ แต่ทางอุทยานแห่งชาติทับลาน ได้ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีกประกอบด้วย 1.สั่งการให้ระดมเจ้าหน้าที่สแกนพื้นที่ จัดทำข้อมูลพิกัดพบซาก โป่ง แหล่งน้ำ ห้างส่องสัตว์ เส้นทางเดินป่า เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการป้องกันและจัดการปัญหา 2.หาข่าวบุคคลที่มีพฤติกรรมล่าสัตว์ป่า และบริโภคเนื้อสัตว์ป่า แล้วดำเนินการตามกฎหมายโดยเด็ดขาด 3. เพิ่มระบบ NCAPS เข้าบริเวณจุดเสี่ยงๆ ให้มากขึ้น 4. ประกาศห้ามบุคคลเข้าพื้นที่ ห้ามนำปศุสัตว์เข้าเขตป่าเป็นเด็ดขาด พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ ชี้ให้เห็นบทกำหนดโทษที่จะได้รับในระดับสูงสุด 5. ประสานปศุสัตว์จังหวัดและอำเภอ เพื่อขอทราบสถานการณ์การระบาดของโรคในสัตว์ สืบหาข่าวการระบาด การตายของปศุสัตว์ภายในพื้นที่ติดต่อกับพื้นที่ป่าร่วมด้วย
