‘พลภูมิ’แนะ ศธ.ปรับรูปแบบเรียนออนไลน์ ยึดความเหมาะสมเด็กในแต่ละพื้นที่

‘พลภูมิ’แนะ ศธ.ปรับรูปแบบเรียนออนไลน์ ยึดความเหมาะสมเด็กในแต่ละพื้นที่ เหตุความพร้อมไม่เท่ากัน พร้อมจี้ ก.อุดมศึกษาฯ ขอมหาลัยปรับลดค่าเทอมเพิ่มช่วย นศ.-ผู้ปกครอง

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.เขตบึงกุ่ม-คันนายาว พรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวถึงปัญหาการทดลองจัดการเรียนการสอนระบบทางไกลและออนไลน์ ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า ความจริงแล้วการเรียนออนไลน์และเรียนทางไกล ถือเป็นแนวทางที่ดีในการวางแผนการเรียนการสอนเพื่อให้สอดรับกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเด็กนักเรียนก็ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงในการติดเชื้อ แต่การจะจัดการเรียนในรูปแบบออนไลน์ หรือ เรียนทางไกลผ่านโทรทัศน์ดาวเทียมนั้น ศธ.ต้องทำการสำรวจความพร้อมของเด็กในแต่ละพื้นที่ก่อน เพราะข้อจำกัดของเด็กแต่ละครอบครัวแตกต่างกัน โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการเรียน ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์สมาร์ทโฟน อินเตอร์เน็ต และโทรทัศน์ เห็นได้จากภาพที่ปรากฏพ่อแม่ ผู้ปกครองบางคนต้องกู้หนี้ยืมสิน ไปซื้อเพื่อให้ลูกได้เรียนหนังสือ แม้กระทรวงศึกษาจะออกมาบอกว่าไม่จำเป็น แต่ในฐานะคนเป็นพ่อ เป็นแม่ ก็ต้องอยากให้ลูกได้เรียนทัดเทียมคนอื่น เพราะทราบดีว่า การศึกษา คือ จุดเริ่มต้นในการหลุดพ้นจากความยากจนที่พวกเขาประสบอยู่ นอกจากนี้ผู้ปกครองเองก็ไม่มีเวลาและไม่มีทักษะด้านไอทีในการช่วยเหลือบุตรหลานในการเรียนออนไลน์ ในขณะที่เด็กบางส่วนก็ไม่มีทักษะด้านไอทีเช่นกัน

นายพลภูมิกล่าวด้วยว่า การเรียนออนไลน์ ไม่ได้เหมาะกับเด็กทุกคนโดยเฉพาะเด็กอนุบาลจนถึง ป.3 เพราะเด็กในวัยนี้สมาธิสั้น ต้องมีผู้ปกครองคอยกำกับดูแล ซึ่งเป็นการไปเพิ่มภาระให้ผู้ปกครอง ดังนั้นตนจึงขอเสนอให้ ศธ.แบ่งรูปแบบการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และระดับการศึกษาของเด็ก โดยหากพื้นที่ หรือจังหวัดไหนควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ในระดับที่ค่อนข้างนิ่งแล้วก็ควรให้โรงเรียนกลับไปจัดการเรียนตามปกติ โดยจัดสถานที่และวางมาตรการให้เข้มงวด ส่วนพื้นที่เสี่ยงหรือโรงเรียนในเมืองที่ผู้ปกครองมีความพร้อมก็จัดให้มีการเรียนออนไลน์ โดยกระทรวงศึกษาธิการต้องสนับสนุนอุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนแก่เด็กนักเรียน รวมทั้งให้เรียนเฉพาะเด็กในระดับมัธยม ที่เป็นเด็กโตแล้ว น่าจะเป็นแนวทางที่ดีกว่าใช้รูปแบบเดียวกันทั่วประเทศ

Advertisement

“ผมขอเรียกร้องให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ขอความร่วมมือมหาวิทยาลัยปรับลดค่าเทอมและค่าบำรุงการศึกษาต่างๆ เพิ่มเติมจากที่เคยดำเนินการไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากนักศึกษาและผู้ปกครองต่างได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างหนัก แม้การปรับลดจะเป็นอำนาจการพิจารณาของสภามหาวิทยาลัยแต่ละแห่ง แต่กระทรวง ก็ควรเข้าไปให้การช่วยเหลือสนับสนุนเรื่องงบประมาณด้วยส่วนหนึ่งไม่ใช่ปล่อยให้เป็นภาระหน้าที่ของมหาวิทยาลัยทั้งหมด” นายพลภูมิกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image