โควิด-19 คนหันดื่มกาแฟผ่อนคลาย ดันส่งออก3เดือนกว่า 6.6พันตัน

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยผลการหารือกับผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมกาแฟตลอดห่วงโซ่การผลิต ผ่านระบบการประชุมทางไกล เพื่อติดตามสถานการณ์การค้ากาแฟและผลิตภัณฑ์กาแฟของไทย ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยมี นางวารี สดประเสริฐ นายกสมาคมกาแฟไทย นายสุขเกษม ขำทวี ที่ปรึกษาสมาคมกาแฟไทย และผู้ประกอบการสินค้ากาแฟและผลิตภัณฑ์กาแฟเข้าร่วม พบว่า ช่วงวิกฤตนี้ทำให้ยอดจำหน่ายกาแฟสำเร็จรูปของไทยขยายตัว รวมทั้งยอดส่งออกยังเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากไทยมีศักยภาพด้านการผลิต เทียบกับหลายประเทศผลิตลดลง ถือเป็นโอกาสทองในการส่งออกกาแฟสำเร็จรูปของไทย

นางอรมน กล่าวว่า การหารือครั้งนี้ ผู้ประกอบการร้านกาแฟเห็นว่ามาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ส่งผลให้ยอดขายลดลง จึงจำเป็นต้องปรับรูปแบบการให้บริการ เป็นการขายแบบออนไลน์และแบบเดลิเวอรี่มากขึ้น รวมทั้งปรับเปลี่ยนสินค้าให้อยู่ในรูปแบบกาแฟพร้อมดื่ม ซึ่งสามารถสั่งซื้อและเก็บไว้ได้นานขึ้น รวมถึงปรับผังที่นั่งในร้านให้มีระยะห่างที่เหมาะสม เพื่อรองรับการเปิดบริการหลังผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ ส่วนผู้ประกอบการโรงคั่วกาแฟและผู้ผลิตกาแฟสำเร็จรูป ให้ข้อมูลว่าสินค้ากาแฟสำเร็จรูป (3 in 1) กาแฟคั่วบด กาแฟแคปซูล และอุปกรณ์ชงกาแฟ ที่จำหน่ายในห้างสรรพสินค้าและทางออนไลน์ มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มลูกค้าที่เคยซื้อในปริมาณมาก อาทิ โรงแรม ภัตตาคาร และสายการบิน กลับมียอดขายลดลงเนื่องจากต้องปิดกิจการในช่วงนี้

สำหรับผู้ส่งออกสินค้ากาแฟสำเร็จรูป แจ้งว่าได้รับการติดต่อจากประเทศผู้นำเข้าที่สนใจซื้อผลิตภัณฑ์กาแฟจากไทย เนื่องจากหลายประเทศผลิตกาแฟสำเร็จรูปลดลง ในขณะที่ไทยสามารถผลิตได้แม้ในช่วงวิกฤต ทำให้ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์กาแฟได้มากขึ้น ขณะเดียวกันรสนิยมของผู้บริโภคเริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น รวมทั้งสนใจบริโภคกาแฟคั่ว ที่มีส่วนผสมของเมล็ดกาแฟจากไทยกับต่างประเทศ จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบส่งออก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ และผู้ส่งออกกาแฟคั่วผสม

นางอรมน กล่าวว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กรมได้ลงพื้นที่พบปะเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในพื้นที่ทั้งภาคเหนือและภาคใต้ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย น่าน แม่ฮ่องสอน และชุมพร รวมทั้งผู้ประกอบการกาแฟตลอดห่วงโซ่การผลิต เพื่อติดตามความพร้อมการแข่งขันกาแฟไทยในยุคการค้าเสรี และแนะนำให้เกษตรกรและผู้ส่งออกใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอขยายตลาดส่งออก และหากไทยสามารถรักษาคุณภาพและมาตรฐานของกาแฟได้อย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก การเก็บ การคั่ว และการแปรรูป จะทำให้กาแฟไทยมีความน่าเชื่อถือและได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคได้

Advertisement

ทั้งนี้ ไทยเป็นผู้ส่งออกกาแฟสำเร็จรูปอันดับที่ 11 ของโลก ปี 2562 ไทยส่งออกปริมาณ 24,812 ตัน คิดเป็นมูลค่า 92.34 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ ลาว  26% เมียนมา  24% และกัมพูชา 20 %โดยไทยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในการส่งออกกาแฟสำเร็จรูป ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียนที่0% รวมถึงนำเข้าเมล็ดกาแฟดิบจากแหล่งนำเข้าสำคัญ อาทิ เวียดนาม ลาว และอินโดนีเซีย ที่อัตราภาษี 5% ซึ่งทำให้ลดต้นทุนการผลิตได้
สำหรับไตรมาสแรกปี 2563 ไทยส่งออกกาแฟสำเร็จรูป 6,606 ตันมูลค่า 25.19 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 14.69% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 โดยไทยยังส่งออกไปตลาดรอง เช่น ฮ่องกง และสหรัฐฯ ถึง28% และ 88% ตามลำดับ เป็นต้น

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image