ทองคำ-น้ำมันพยุงส่งออกเม.ย.บวก2.12%จากนี้ต้องเกินหมื่นล้านเหรียญ ปี63จึงเสมอตัวเท่าปี62

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือนเมษายน 2563 มีมูลค่า 18,948 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 2.12% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 แม้อยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวได้ 4.03% ตามความต้องการสินค้าอาหารของตลาดโลกที่หลายประเทศอยู่ในช่วงล็อกดาวน์ โดยเฉพาะข้าวกลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 18 เดือน และขยายตัว 23.10% อาหารสัตว์เลี้ยงขยายตัว 34.33% รวมถึงอาหารทะเลแช่แข็ง ผักและผลไม้ ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป และสิ่งปรุงรสอาหาร ขยายตัวดี ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว4.05% จากการส่งออกทองคำ อากาศยาน แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องมือแพทย์เป็นหลัก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นสินค้าที่เคยได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐกับจีน(เทรดวอร์)เริ่มกลับมาส่งออกเพิ่มขึ้น ในส่วนตลาดส่งออกหลัก คือ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และจีน ขยายตัวระดับสูง ขณะที่การระบาดรุนแรงของไวรัสโควิด-19 ตลาดยุโรปและอินเดียทำให้ตลาดหดตัว แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อหักมูลค่าสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และอาวุธยุทธปัจจัยซึ่งเป็นการส่งคืนหลังร่วมซ้อมการส่งออกเดือนเมษายนติดลบ 7.53% จึงทำให้ 4 เดือนแรกปี 2563 ไทยส่งออก 81,620 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว1.19% และเมื่อหักสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และอาวุธยุทธปัจจัย หดตัว 0.96%
สำหรับการนำเข้าเดือนเมษายน มีมูลค่า 16,486 ล้านเหรียญสหรัฐ ลบ 17.13% ไทยจึงได้ดุลการค้า 2,462 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ 4 เดือนแรกไทยการนำเข้า มีมูลค่า 75,224 ล้านเหรียญสหรัฐ ลบ 5.72% และได้ดุลการค้า 6,396 ล้านเหรียญสหรัฐ
” แม้เดือนเมษายนจะส่งออกได้เกือบ 1.9 หมื่นล้านเหรียญ แต่เชื่อว่าเป็นมูลค่าต่ำสุดแล้ว ในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน มูลค่าน่าจะเพิ่มขึ้นแต่อาจต่ำกว่าปีก่อน ที่ส่งออกเกิน 2.1 หมื่นล้านเหรียญต่อเดือน เนื่องจากผลกระทบการระบาดของโควิด-19 ทำให้ประเทศส่วนใหญ่ปิดประเทศและนโยบายเวิร์กฟรอมโฮม กระทบต่อการจัดส่งสินค้า และระบบการทำงานปกติในเรื่องเอกสารและการตรวจสอบส่งออกนำเข้าชะงักหรือมีขั้นตอนที่ใช้เวลามากขึ้น จึงทำให้ไตรมาส 2ปีนี้ส่งออกไทยมีโอกาสติดลบ และจากที่ได้ประชุมหารือผู้ส่งออก คาดว่าระบบการส่งออกจะดีขึ้นคงใช้เวลาอีก 2-3 เดือนจากนี้ หากการแพร่ระบาดโควิดคลี่คลายและหลายประเทศเริ่มเปิดประเทศ “นางสาวพิมพ์ชนก กล่าว
นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวต่อว่า และจากหารือภาคเอกชน พบว่า ยังมั่นใจหลังหลายประเทศปลดล็อกดาวน์และกลับมาทำงานปกติได้ในครึ่งปีหลัง จะทำให้การส่งออกฟื้นตัวเป็นบวก เพราะความต้องการสินค้าไทยมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร โภคภัณฑ์ และบางอุตสาหกรรมเพื่อการฟื้นฟูประเทศ โดยหากเดือนที่เหลือของปีนี้ส่งออกได้เฉลี่ย 20,400 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน การส่งออกทั้งปี2563 จะติดลบแค่ 0.5% หากดันได้ถึง 20,578 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน จะเป็น 0% หากส่งออกเป็นบวกได้ในครึ่งปีหลังจะเกิดปัจจัยหนุน คือ ราคาน้ำมันสูงขึ้นเกิน 40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล กลุ่มอาหารขยายตัวสูงมาก บาทอ่อนค่า และทั่วโลกคลายล็อกดาวน์และทำงานปกติ
” ค่าเงินบาท เป็นเรื่องที่ผู้ส่งออกมองว่าจะช่วยแข่งขันได้มากขึ้น และเพิ่มมูลค่าเข้าประเทศได้มาก ดูอย่างเดือนเมษายนส่งออกคิดเป็นบาท ขยายตัวถึง 5.32% แต่หากรวม 4 เดือนแรกของปี ที่บางเดือนบาทแข็ง จึงหดตัว 1.07% หากบาทอ่อนบวกกับใช้โอกาสโควิด เชื่อว่ากลุ่มอาหารจะส่งออกเพิ่มยาวต่อเนื่อง2-3ปี อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากโควิด ยังต้องติดตามต่อเนื่องอีก 2-3 เดือนจากนี้ เพราะมีผลโดยตรงต่อระบบการขนส่ง ” นางสาวพิมพ์ชนก กล่าว

ทั้งนี้ ลงลึกในรายละเอียด ส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 4.0 % สินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ ข้าว ขยายตัว 23.1% ผัก ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแปรรูป ขยายตัว 5.7% ไก่สด แช่เย็นแช่แข็ง และแปรรูป ขยายตัว 9.6% อาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัว34.3% สิ่งปรุงรสอาหาร ขยายตัว 18.9% สินค้าที่หดตัว ได้แก่ ยางพารา หดตัว 20.7% น้ำตาลทราย หดตัว 8.3% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง หดตัว 6.7% เครื่องดื่ม หดตัว 14.4 % รวม 4 เดือนแรกมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรหดตัว 1.4% สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 4.0 % สินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ ทองคำ ขยายตัวเกือบทุกตลาด1,102.8% ยานพาหนะอื่นๆ และส่วนประกอบ ขยายตัว 1,423.1% อากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ ขยายตัว584.7% อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด ขยายตัว 56.1% สินค้าที่หดตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ หดตัว 53.8% สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน หดตัว 31.3% อัญมณีและเครื่องประดับไม่รวมทองคำ หดตัว 49.3% เป็นต้น รวม 4 เดือนแรกมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 2.4 % สำหรับตลาดส่งออกขยายตัวได้ดี คือ จีนบวก9%ขยายตัวครั้งแรกรอบ 3เดือน ญี่ปุ่นบวก 9.8% สหรัฐฯบวก 34.6% และอาเซียน ขณะที่ตลาดที่ยังคงเผชิญกับการแพร่ระบาดโควิดระดับสูง เช่น สหภาพยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชียใต้ ลดลง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image