“หมอทวีศิลป์” เผยป่วยใหม่ 9 ราย “เป็นเชื้อนำเข้า” ใน 2 ราย พบเชื้อก่อนออกจากสถานกักกันโรค
โฆษก ศบค.เผยผู้ป่วยรายใหม่ที่พบเป็นผู้ที่อยู่ในระหว่างการกักกันในสถานที่ที่รัฐจัดไว้ ( State Quarantine) โดยมี 2 รายมีการตรวจพบเชื้อในวันที่กำลังจะต้องเดินทางออก ทาง สธ.ตั้งข้อสังเกตพร้อมหารือกันใหม่ว่าจะต้องมีการขยายระยะเวลากักตัวหรือไม่
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ที่ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล “โควิด-19” ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงข่าวความคืบหน้าของสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า ประเทศไทยพบผู้ป่วยรายใหม่ 9 ราย สะสม 3,054 ราย โดยทั้งหมด 9 ราย เป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศทั้งหมด ผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวัง และระบบบริการ จำนวน 0 ราย
กลุ่มที่ 2 การค้นหาเชิงรุกในชุมชน (active case finding) จำนวน 0 ราย
กลุ่มที่ 3 ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศแล้วเข้าสถานกักกันที่รัฐบาลจัดไว้ (state quarantine) จำนวน 9 ราย ได้แก่
ผู้ป่วย 2 รายแรก เป็นชายไทย อายุ 18 และ 27 ปี เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม กลับมาจากประเทศสหรัฐอมริกา และเข้าพัก State Quarantine ที่ จ.ชลบุรี และตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม โดยไม่มีอาการ
ผู้ป่วยรายที่ 3 เป็นชายไทย อายุ 34 ปี อาชีพพนักงานนวด เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม กลับมาจากประเทศกาตาร์ และเข้าพัก State Quarantine ที่ จ.สมุทรปราการ และมีอาการไข้ 38 เซลเซียส ร่วมกับอาการ ไอ จมูกไม่ได้กลิ่น และตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม
ผู้ป่วยอีก 6 ราย เป็นนักศึกษาชาย อายุ 23-33 ปี เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม กลับมาจากประเทศชาอุดีอาระเบีย และผ่านทางด่านปะดังเบซาร์เข้าประเทศไทย และเข้าพัก State Quarantine ที่ จ.สงขลา 3 ราย ยะลา 1 ราย ปัตตานี 1 ราย และนราธิวาส 1 ราย และตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม
“จะพบว่าผู้ป่วย 2 รายแรกที่กลับมาจากสหรัฐอเมริกา กลับมาเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม และอยู่ยาวไปจนถึง 26 พฤษภาคม โดยไม่มีอาการอะไรเลยแต่เมื่อวานที่จะออกจากสถานกักกันโรค ทางทีมได้มีการตรวจหาเชื้อหลังโพรงจมูกซ้ำอีกครั้ง เป็นการเช็กเพื่อความมั่นใจ และมาเจอเชื้อในวันที่จะออกจากสถานกักกันแล้ว ศูนย์ปฏิบัติการทางด้านสาธารณสุข โดยมี นพ.สุขุ กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน มีการหารือกันว่านี่ไม่ใช่รายแรกที่มาเจอเชื้อในวันปลายๆ คือวันที่ 13-14 ระหว่างกักโรค จึงมีการประชุมกันว่าอาจจะต้องมีการศึกษาย้อนหลังกลับไปในทฤษฎีการกักกันโรค 14 วัน อาจจะไม่ใช่แล้ว” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามยังไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงมาตรการอื่น ยังไม่มีการขยายระยะเฝ้าระวังโรคเป็น 21 หรือ 28 วัน และในผู้ป่วย 2 รายนี้จะต้องเข้าไปรักษาพยาบาลต่ออีก 14 วัน และมาตรการของสถานกักกันโรค ยังคงยึดอยู่ที่ 14 วัน มีการตรวจเชื้อก่อนเข้าและออกเหมือนเดิม เพียงแต่มีการตั้งข้อสังเกตในกลุ่มคนบางกลุ่ม
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ส่วนในผู้ป่วยชายที่มีอาชีพนวดกลับมาจากประเทศกาตาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีผู้ป่วยอาชีพพนักงานนวดที่กลับมาจากต่างประเทศและพบว่ามีอาการป่วยเช่นเดียวกัน ในผู้ป่วยรายใหม่นี้มีอาการไข้และจมูกไม่ได้กลิ่น โดยเดินทางกลับมาเพียง 4 วันก็พบเชื้อแล้ว จึงมีการตั้งข้อสังเกตในเรื่องของอาชีพที่มีการสัมผัสใกล้ชิดกันมาก ทั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาจะย้อนแย้งกับมาตรการผ่อนปรนที่จะเกิดขึ้นในเรื่องของกิจการนวดผ่อนคลาย
“ในที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตกันว่าหากจะต้องมีมาตรการผ่อนคลายในกลุ่มอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง จะต้องมีมาตรการรองรับและจะต้องมีความเข้มงวด และผู้ที่ประกอบอาชีพนี้จะต้องมีความระมัดระวังตนเอง รักษาสุขลักษณะส่วนตัว เพราะลูกค้าที่เข้ามาหาอาจจะมีการนำเชื้อมาได้ และทางกระทรวงสาธารณสุขจะมีการศึกษาเรื่องนี้ และหาทางแก้ไข” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า ในผู้ป่วยนักศึกษา 6 ราย เป็นกลุ่มที่เดินทางผ่านประเทศมาเลเซีย ในการผ่านด่านปาดังเบซาร์ ซึ่งเป็นความร่วมมือกันของระหว่างประเทศ โดยนำคนไทยบินกลับมาจากประเทศซาอุดีอาระเบียและไปลงที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ หลังจากนั้นก็นำขึ้นรถมาผ่านด่านปาดังเบซาร์เข้าประเทศไทย และทางประเทศมาเลเซียอาจจะต้องทำการปิดด่านเพื่อทำความสะอาด อย่างเช่นด่านสะเดาที่มีการติดเชื้อและได้ทำการปิดด่านไปแล้วนั้น
“จึงอยากนำเรียนว่าคนไทยที่อยู่ในประเทศมาเลเซียและต้องการกลับก็ขอให้รีบกลับประเทศไทยมา ก่อนที่จะมีการเปิดเทอมในช่วงเดือนกรกฎาคม โดยให้ประสานงานไปที่สถานทูตไทยเมืองกัวลาลัมเปอร์ และในผู้ป่วย 6 ราย ที่เดินทางผ่านด่านปาดังเบซาร์มานั้น จำนวน 4 รายมีอาการป่วย ไข้ ไอ แต่อีก 2 ราย ไม่พบอาการป่วย ทั้งนี้การพบผู้ป่วยรายใหม่เป็นผู้ที่กลับมาจากต่างประเทศทั้งสิ้นยังไม่มีการรายงานผู้ป่วยภายในประเทศ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
