“โฆษก ศบค.” เผยข่าวการระบาด 4 ประเทศนอก ย้ำ ไม่ได้ขู่คนไทย แต่ต้องการให้เรียนรู้ร่วมกัน

“โฆษก ศบค.” เผยข่าวการระบาด 4 ประเทศนอก ย้ำ ไม่ได้ขู่คนไทย แต่ต้องการให้เรียนรู้ร่วมกัน

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ที่ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล “โควิด-19” ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงข่าวความคืบหน้าของสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ประเด็นที่น่าสนใจในต่างประเทศ “อังกฤษ คลายล็อกดาวน์ เริ่มเปิดห้าง 1 มิถุนายนนี้” โดยนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้แถลงข่าวว่า รัฐบาลอังกฤษจะอนุญาตให้มีการเปิด
ร้านค้า ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นไป โดยการตัดสินใจดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อเปิดทางให้ธุรกิจต่างๆ เริ่มกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง ผู้ประกอบการของธุรกิจเหล่านี้สามารถดำเนินการตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยในการควบคุมโควิด-19 ส่วนร้านค้าปลีกที่ไม่ได้จำหน่ายสินค้าที่จำเป็นนั้น อาจจะได้รับอนุญาตให้เปิดทำการอีกครั้งในวันที่ 15 มิถุนายน หากรัฐบาลได้รับรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการควบคุมโควิด-19

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า “ห้าม 11 ประเทศเข้าญี่ปุ่นพร้อมประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ” โดยรัฐบาลญี่ปุ่นได้เพิ่มรายชื่ออีก 11 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย อาร์เจนตินา แอฟริกาใต้ อัฟกานิสถาน บังกลาเทศ เอลซัลวาดอร์ กานา กินี เคอร์กิสถาน ปากีสถาน และทาจิกิสถาน ประชาชนในประเทศดังกล่าวจะไม่สามารถเดินทางเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นมาตรการในการควบคุมการแพระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมออกคำเตือนไม่ให้ชาวญี่ปุ่นเดินทางไปยังกลุ่มประเทศดังกล่าวด้วย นอกจากนี้รัฐบาลญี่ปุ่น ได้ประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศแล้ว โดยจะมีการประเมินสถานการณ์การติดเชื้อในทุก 3 สัปดาห์ ซึ่งหมายความว่า ญี่ปุ่นจะค่อยๆ ผ่อนคลายข้อเรียกร้องที่ให้ประชาชนอยู่ภายในบ้าน และหลีกเลี่ยงการชุมนุมขนาดใหญ่หลังประเมินสถานการณ์แต่ละครั้ง

“มาตรการเข้มงวดของประเทศไทยแต่ได้มีการเปิดห้างสรรพสินค้าก่อนประเทศอังกฤษซึ่งจะเริ่มเปิดในวันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นไป เนื่องจากประเทศเขาเกิดโรคหลังเรา และอัตราการติดเชื้อสูงกว่าแต่อย่างไรก็ต้องมีการผ่อนคลายเพื่อให้ธุรกิจต่างๆกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง ส่วนในประเทศญี่ปุ่นที่มีการแพร่ระบาดเชื้อก่อนประเทศไทย จึงทำให้ประเทศไทยอยู่ในระหว่างกลางของการแพร่เชื้อของ 2 ประเทศนี้ ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

Advertisement

นอกจากนี้ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่าประเทศอินโดนีเชีย มีคำสั่งให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง โดยเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม อินโดนีเซียมีคำสั่ง ให้ทหารและตำรวจเกือบ 340,000 นาย ใน 4 จังหวัด ออกปฏิบัติการเพื่อควบคุมการใช้กฎข้อบังคับให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกจากที่พัก และการเว้นระยะห่างทางสังคม หลังจากมีรายงานว่า ประชาชนจำนวนมากต่างออกมาจับจ่ายใช้สอยเลือกซื้อสินค้าตามตลาดและร้านค้าต่างๆ เพื่อเฉลิมฉลองหลังสิ้นสุดเทศกาลถือศีลอดในเดือนรอมฏอน โดยละเลยไม่ปฏิบัติตามกฏข้อบังคับดังกล่าวเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และปัจจุบัน อินโดนีเซีย มียอดผู้ติดเชื้อสะสมเกือบ 23,000 ราย และเสียชีวิตแล้ว 1,391 ราย

จากนั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ประเทศเกาหลีใต้ พบกลุ่มแพร่ระบาดโควิด-19 ใหม่จากศูนย์กระจายสินค้า โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้ (KCDC) เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 36 รายที่มาจากศูนย์กระจายสินค้าออนไลน์คูปัง ที่เมืองบูชอน ทางตะวันตกของกรุงโชล และคาดว่าตัวเลขน่าจะเพิ่มขึ้นไปอีก ทำให้ KCDC ต้องทำการตรวจโรคพนักงานว่า 3,600 คนที่ทำงานที่นั่น โดยหากยอดผู้ติดเชื้อจากกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นเกิน 50 ราย ทางการอาจจะพิจารณาเพิ่มมาตรการป้องกันโรคที่เข้มขั้นมากยิ่งขึ้น

“หลายคนอาจจะมีการคอมเม้นต์ว่าทำไมต้องมีการรายงานข้อมูลเชิงลบ เป็นการขู่ประชาชนอีกหรือเปล่า แต่เท็จจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย เนื่องจากต้องการให้ประชาชนเรียนรู้ หากเราเข้าใจเรื่องของโรค โดยรู้เท่ากันระหว่างบุคลากรทางสาธารณสุขและประชาชน คณะทำงานก็จะทำงานเบาขึ้น เพราะทุกท่านช่วยกันดูแลสุขภาพ แพทย์พยาบาลทั้งหลายก็จะได้มีเวลาพักมากขึ้น” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

Advertisement

 

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image