มติ กสทช. ไม่เอกฉันท์! ปมจ่ายเงินเยียวยาคลื่น 2600 ให้ อสมท

มติ กสทช. ไม่เอกฉันท์! ปมจ่ายเงินเยียวยาคลื่น 2600 ให้ อสมท

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กสทช. ยังไม่สามารถลงมติสรุปกรอบวงเงินเยียวยาการเรียกคืนคลื่นย่าน 2600 เมกะเฮิรตซ์ให้กับ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้ เนื่องจากกรรมการ กสทช. มีมติ 2 ต่อ 2 เสียง โดย พ.อ.นที สุกลรัตน์ รองประธาน กสทช. ขอถอนตัวออกจากที่ประชุม เพราะไม่ต้องการลงมติเรื่องนี้ เนื่องจากต้องการให้ อสมท ทำหนังสือชี้แจงกลับมาอีกครั้งว่าต้องการแบ่งสัดส่วนเงินเยียวยาเอง หรือต้องการให้ กสทช. เป็นผู้แบ่งสัดส่วนให้เท่าไร อย่างไร ขณะที่ นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ กสทช.ไม่ขอลงมติ

ทั้งนี้ พล.อ.อ.สุกิจ ขมะสุนทร ประธาน กสทช. และนายประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ กรรมการ กสทช. โหวตเลือกแนวทางที่ 2 ซึ่งเห็นชอบอายุการถือครองคลื่นความถี่ย่าน 2600 เมกะเฮิรตซ์ของ อสมท ที่ระยะเวลา 6 ปี 5 เดือน ส่วน พล.ท.พีรพงษ์ มานะกิจ กรรมการ กสทช. และนายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กรรมการ กสทช. โหวตเลือก แนวทางที่ 3 เห็นชอบอายุการถือครองคลื่นความถี่ย่าน 2600 เมกะเฮิรตซ์ ของ อสมท ที่ระยะเวลา 8 ปี 6 เดือน

นายฐากรกล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุม กสทช.ยังพิจารณาเรื่องการกำหนดสัดส่วนค่าตอบแทนผู้ถือครองคลื่นความถี่และผู้ได้รับผลกระทบจากการเรียกคืนคลื่นความถี่ย่าน 2500-2690 เมกะเฮิรตซ์ ของ อสมท โดยที่ประชุม กสทช. มีมติ 2 ต่อ 2 เสียง โดย พล.ท.พีรพงษ์ และนายธวัชชัย กรรมการ กสทช. โหวตเลือก แนวทางแรก ที่ให้ กสทช. เป็นผู้กำหนดสัดส่วนค่าตอนแทนผู้ถือครองคลื่นความถี่และผู้ได้รับผลกระทบจากการเรียกคืนคลื่นความถี่ย่าน 2500-2690 เมกะเฮิรตซ์ ของ อสมท เป็น 50 ต่อ 50

ส่วน พล.อ.อ.สุกิจ ประธาน กสทช. และนายประเสริฐ กรรมการ กสทช. โหวตเลือกแนวทางที่ 2 เห็นควรให้ อสมท เป็นผู้กำหนดสัดส่วนค่าตอบผู้ถือครองคลื่นความถี่และผู้ได้รับผลกระทบจากการเรียกคืนคลื่นความถี่ย่าน 2500-2690 เมกะเฮิรตซ์ ของ อสมท เอง

Advertisement

ดังนั้น เมื่อที่ประชุมมีมติ 2 ต่อ 2 เสียง จึงไม่เข้าระเบียบ กสทช. ว่าด้วยข้อบังคับการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2556 ข้อ 41 (2) กรณีเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นอื่นนอกเหนือจากประเด็นใน (1) ต้องได้รับมติพิเศษ กล่าวคือ ได้รับความเห็นชอบจากกรรมการไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด โดยปัจจุบันมี กสทช. ปฏิบัติหน้าที่รวม 6 คน เสียงกึ่งต้องมีเสียงอย่างน้อย 3 คน เมื่อมีมติเป็น 2 ต่อ 2 เสียง จึงไม่เข้าตามระเบียบข้อนี้ ประธาน กสทช. จึงไม่สามารถออกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาดได้ ที่ประชุม กสทช. จึงมีมติให้นำเรื่องดังกล่าวส่งให้อนุกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมาย กสทช. พิจารณาต่อไป โดยจะผลักดันให้เข้าสู่การพิจารณาต่อที่ประชุม กสทช.ในสัปดาห์หน้า

“วันนี้การประชุมดุเดือดมาก ผมอยากให้จบโดยเร็วก่อนที่ผมจะหมดวาระ ผมอยากให้มีการประชุม กสทช. วาระพิเศษเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ให้เสร็จโดยเร็ว และมั่นใจว่ากรรมการ กสทช. ต้องลงมติ ไม่เช่นนั้นอาจถือว่าละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ผมไม่ต้องการให้ยื้อกันไปมา” นายฐากรกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image