กรมน้ำวางแผนรับฝนปี 63 งบกลาง-งบเงินกู้ คาดเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน 413 ล้าน ลบ.ม.

กรมน้ำวางแผนรับฝนปี 63 งบกลาง-งบเงินกู้ คาดเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน 413 ล้าน ลบ.ม.

วันที่ 27 พฤษภาคม นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) แถลงข่าวการช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ภัยแล้ง โดยกล่าวว่า ตั้งแต่ เดือนตุลาคม 2562 ถึงปัจจุบันนั้น นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรี ทส. ได้สั่งการให้กรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ร่วมมือกันช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำได้เข้ามามีบทบาทในการดำเนินการ วิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ และกำหนดมาตรการแก้ไข และลดผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำตามนโยบายของรัฐบาล ภายใต้การกำกับของ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ โดยกรมทรัพยากรน้ำได้กำหนดแผนปฏิบัติการในภาวะภัยแล้ง ได้แก่ศูนย์ผลิตน้ำสะอาด จุดแจกจ่ายน้ำสะอาด และจุดสูบน้ำ อีกทั้งการเตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์เครื่องมือและบุคลากร เช่นเครื่องสูบน้ำ รถบรรทุกน้ำ ผู้ประสานงานช่วยเหลือและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยแล้ง ตลอดจนจัดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่กว่า 500 คน

นายภาดล กล่าวว่า ในส่วนภาคเกษตรกร ทส. ได้รับมอบหมาย ให้ช่วยเหลือภัยแล้งในพื้นที่เกษตร ไม้ผลยืนต้น ในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ จำนวน 370,000 ไร่ ซึ่งจากแผนปฏิบัติการรับมือพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำด้านการเกษตรไม้ผลยืนต้นนอกเขตชลประทานนั้น กรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นผู้ดำเนินการจัดหาแหล่งน้ำสนับสนุน โดยมอบหมายหน่วยงานส่วนภูมิภาคเข้าสำรวจพื้นที่เสี่ยงขาดน้ำเกษตรนอกเขตชลประทาน และดำเนินการสูบน้ำช่วยเหลือได้ตามเป้าหมายจำนวนกว่า 97 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถสูบน้ำแจกจ่ายน้ำสะอาดได้กว่า 16 ล้านลิตร ประชาชนได้รับประโยชน์ 425,000 ครัวเรือน จำนวน 1,368,000 ครอบคลุมพื้นที่การเกษตร 204,000 ไร่

“สำหรับการเตรียมการรับน้ำฝนในปี 2563 รัฐบาล คำนึงถึงความต้องการของประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญและตามศักยภาพของแหล่งเก็บกักน้ำ โดยพื้นที่ใดที่มีแหล่งน้ำต้นทุนที่มีศักยภาพ จะต้องมีการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่นั้นๆ เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และมีปริมาณน้ำที่มั่นคงในภาคการผลิต กรมทรัพยากรน้ำวางแผนเพิ่มน้ำต้นทุนผ่านโครงการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มขึ้นอีก 145 แห่ง เมื่อแล้วเสร็จประเทศไทยจะมีปริมาณกักเก็บน้ำเพิ่มขึ้น 160 ล้าน ลบ.ม. ประชาชนจะได้รับประโยชน์กว่า 70,000 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรจะได้น้ำกว่า 186,000 ไร่ กรมทรัพยากรน้ำได้ขอสนับสนุนโครงการฯ งบกลาง เพิ่ม 35 โครงการ ในวงเงิน 496 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ 33,111 ไร่ ครัวเรือนได้รับประโยชน์กว่า 7,050 ครัวเรือน และ ขอสนับสนุนงบประมาณจากงบเงินกู้ จำนวน 727 โครงการ วงเงิน 248 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ 602,779 ไร่ ครัวเรือนได้รับประโยชน์กว่า 163,750 ครัวเรือน คาดว่าเมื่อแล้วเสร็จจะเพิ่มน้ำต้นทุนรวม 413 ล้าน ลบ.ม.”นายภาดล กล่าว

อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กล่าวด้วยว่า จากภารกิจการดำเนินงานต่างๆ ที่ผ่านมา กรมทรัพยากรน้ำได้รับความร่วมมือ จาก ประชาชน หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน ในการดำเนินโครงการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนาแหล่งน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ต้นน้ำหลายภาคส่วน ซึ่งบริษัทไทย ไวร์ริ่ง ซิสเต็ม จำกัด เป็นหนึ่งในภาคเอกชนที่แสดงเจตจำนงในการทำประโยชน์เพื่อสังคมโดยการสนับสนุนกล่องกระชุหิน (กล่อง Gabion) จำนวน 2,500 กล่อง เป็นเงินประมาณ 1 ล้านบาท เพื่อใช้ในการทำกิจกรรมสนับสนุนกิจกรรมเครือข่ายประชาชนของทส. เช่น การสร้างฝายและการป้องกัน และชะลอการกัดเซาะพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำ คู คลอง นอกจากนี้ยังมี บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ได้สนับสนุนการอนุรักษ์พื้นที่ต้นน้ำอย่างยั่งยืน และการจัดการน้ำเพื่อชุมชน ทั้งนี้ GC สนับสนุนน้ำดื่มบรรจุขวดจำนวน 100,000 ขวด บรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำดื่มสะอาดให้กับประชาชนในช่วงภัยแล้งและอุทกภัย

Advertisement

ภาดล ถาวรกฤชรัตน์

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image