ผวา 8.4 ล้านคน เสี่ยงเตะฝุ่น ถูกเลิกจ้าง เด็กออกจากระบบศึกษาอื้อ”สุริยะ”ยัน1มิ.ย.แบน2สารพิษ

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยถึงภาวะสังคมไทยไตรมาส 1/2563 และรายงานพิเศษกรณีวิกฤตโควิด-19 : บทเรียนเพื่อการก้าวต่อไปอย่างมีภูมิคุ้มกันเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่่ผ่านมาว่า สศช.ประเมินผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 และปัญหาภัยแล้ง จะส่งผลให้ปี 2563 อัตราการว่างงานอยู่ช่วง 3-4% หรือทั้งปีมีผู้ว่างงานไม่เกิน 2 ล้านคน ถือเป็นระดับว่างงานใกล้เคียงกับวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 โดยยอมรับว่าปีนี้จะมีคนตกงานมากกว่าทุกปี ทั้งนี้ โควิด-19 ทำให้แรงงาน 8.4 ล้านคน เสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้าง

รวมทั้งปัญหาภัยแล้งกระทบต่อการจ้างงาน ทำให้แรงงานด้านเกษตร จะว่างงาน ทั้งสิ้น 6 ล้านคน
นายทศพรกล่าวว่า จากผลการศึกษาโครงการสำรวจและศึกษาสาเหตุที่คนไทยก่อหนี้เพื่ออุปโภคบริโภคส่วนบุคคล พบว่ากลุ่มคนที่เริ่มทำงานใหม่ใช้จ่ายเพื่อสันทนาการ ท่องเที่ยว และดูแลความสวยงาม คลั่งไคล้ในการช้อปปิ้ง ก่อหนี้ที่นำไปใช้จ่ายผิดประเภท และการเข้าสู่วงจรหนี้ซ้ำ

นายทศพรกล่าวอีกว่า จากรายงานสภาวะสังคม สศช.พบปัญหาการเลิกเรียนกลางคัน ของเด็กและเยาวชน แม้แนวโน้มดีขึ้น แต่พบว่ามีเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษาเพิ่มตามระดับการศึกษาสูงขึ้น โดยนักเรียนที่เข้าศึกษาประถมศึกษาปีที่ 1 ระหว่างปีการศึกษา 2546-2548 มีนักเรียนกว่า 20% ไม่จบการศึกษาภาคบังคับ (ม.ต้น) และมีนักเรียนกว่า 31% หลุดออกจากระบบการศึกษาก่อนสำเร็จการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย/ปวช. และ 38% หลุดออกจากการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ทั้งนี้ สาเหตุของการหลุดออกนอกระบบการศึกษา พบความยากจนถือเป็นสาเหตุสำคัญทำให้กลุ่มเด็กและเยาวชนไทยหลุดออกนอกระบบการศึกษามีมากกว่า 6.7 แสนคน

Advertisement

ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการกำหนดให้พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส เป็นวัตถุอัตรายชนิดที่ 4 ห้ามผลิต นำเข้า ส่งออก และครอบครอง ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 ตามมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ว่า มติยังคงเดิม มีผลวันที่ 1 มิถุนายนนี้ เป็นต้นไป โดยระหว่างนี้ต้องอยู่ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการกำหนดรายละเอียด ข้อปฏิบัติต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ต้องมีการประชุมอีก ส่วนกรณีมีเกษตรกรร้องศาลปกครองกลางให้เพิกถอนมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่มีมติแบน 2 สารดังกล่าว กระทรวงอุตสาหกรรมก็พร้อมชี้แจงต่อศาล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image