เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเรียกประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ชุดใหญ่ ถึงมาตรการผ่อนปรนในระยะ 3 ว่า จะมีการประกาศมาตรการผ่อนปรนออกมา ฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้มีการหารือร่วมกันแล้ว โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือ ทำอย่างไรถึงจะป้องกันการแพร่ระบาดให้ได้ ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสนใจและเป็นห่วงในเรื่องเศรษฐกิจ โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยที่รัฐบาลกังวลมากที่สุด อีกทั้งยังต้องเตรียมวงเงินเพื่อแก้ปัญหาในระยะต่อไปอีก ตอนนี้อยู่ในระยะ 3 เดือน ต่อไปยังต้องใช้เงินอีกจำนวนเท่าไรก็ไม่ทราบ ฉะนั้นต้องรีบหามาตรการที่จะผ่อนปรนให้ได้
“ถ้าร่วมมือกันอย่างนี้จะเดินหน้าต่อไปในระยะที่ 4 อยากให้ไปถึงระยะที่ 4 ให้เร็วที่สุด แต่ต้องระมัดระวังเพราะเหตุการณ์ในต่างประเทศก็ได้เกิดขึ้นแล้ว ขอให้เข้าใจว่าการที่รัฐบาลต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องการให้เกิดความปลอดภัย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)กล่าวว่า สำหรับการผ่อนคลายระยะที่ 3 ให้กิจการและกิจกรรมสามารถดำเนินการได้นั้น จะเป็นการผ่อนคลายเพิ่มเติม อาทิ ห้างสรรพสินค้า ซึ่งอาจขยายผ่อนคลายโรงภาพยนตร์ นวดแผนโบราณ ที่ต้องมีการปรับรูปแบบการให้บริการ รวมถึงโรงละคร โรงมหรสพ ด้วย และผ่อนคลายการเดินทางไปต่างจังหวัดของประชาชน ขณะที่โรงเรียนกวดวิชา สวนน้ำ สวนสนุก อาจต้องให้รอและพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะยังเป็นกลุ่มกิจกรรมกิจการที่มีความเสี่ยงอยู่ และคาดว่าทุกประเภทกิจการ กิจกรรมจะได้รับการผ่อนคลายหมดในช่วงเดือนมิถุนายนนี้
ทั้งนี้ที่ประชุม ศบค.กลุ่มย่อย เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมาเห็นชอบให้ลดเวลาเคอร์ฟิวลง 1 ชั่วโมง จากเดิม 23.00-04.00 น. เป็น 23.00-03.00 น. นอกจากนี้ยังเห็นชอบปรับเวลาการปิดห้างสรรพสินค้า จากเดิมที่ให้ปิดในเวลา 20.00 น. เป็นปิดในเวลา 21.00 น. และให้ร้านค้าต่างๆ ที่อยู่ภายในห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดบริการได้เพิ่มเติม และยังจะมีการผ่อนปรนโดยอนุญาตให้ร้านนวดแผนไทยกลับมาเปิดให้บริการได้
“ส่วนร้านตัดผม อนุญาตให้ผู้ประกอบการสามารถให้บริการเพิ่มเติมจากเดิมที่ตัด สระ ซอย เท่านั้น มาเป็นให้สามารถทำสีผมได้ แต่ต้องทำภายในระยะเวลาที่กำหนด รวมถึงการอนุญาตนั่งรับประทานอาหารภายในร้านด้วยกัน สำหรับคนที่มาเป็นกลุ่มประมาณ 4-6 คนอีกด้วย” แหล่งข่าวกล่าว
ส่วนความคืบหน้าการติดตามกลุ่มคนเกี่ยวข้องเรียกเก็บค่าหัวคิวจากเจ้าของโรงแรม ที่เป็นสถานที่กักตัวกลุ่มเสี่ยงโควิด-19 พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าส่งรายชื่อไปแล้วตามที่มีการร้องเรียนเข้ามา 3-4 คน ตอนนี้กำลังสอบต่อว่าเกี่ยวข้องกับใคร อะไรอย่างไร และต้องลงโทษ แต่ยืนยันว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของบุคคล ไม่ใช่เรื่องของหน่วยงานก็ต้องช่วยกัน
ด้าน พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่พบ
ผู้ประกอบการโรงแรมในพื้นที่ภาคตะวันออกที่จัดเป็นสถานที่กักตัวเมื่อที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้ประกอบการได้ให้ข้อมูล รายชื่อ ไลน์ที่ได้พูดคุยในการเรียกรับเปอร์เซ็นต์ เงื่อนไขต่างๆ จึงได้ส่งไปให้ พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ภ.2 หมดแล้ว ขั้นตอนจากนี้เป็นการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ
ข่าวแจ้งว่า บช.ภ.2 ได้ตั้งพนักงานสอบสวน พบว่ามีผู้เกี่ยวข้อง 9 ราย เป็นเซลส์ติดต่อกับผู้ประกอบการโรงแรมโดยตรง
