สนามเลือกตั้งซ่อมเขต 4 ลำปาง ดูคล้ายไม่มีความหมายมากนัก
1 ที่นั่ง ส.ส. ก่อนหน้านี้ อาจเป็นเก้าอี้ทอง เนื่องจากเสียงรัฐบาลปริ่มน้ำ
แต่เมื่อมีการยุบพรรคอนาคตใหม่ ส.ส.แตกรัง ย้ายข้ามฟาก เข้าสังกัดพรรคร่วมรัฐบาล อีกทั้งพรรคร่วมรัฐบาลชนะเลือกตั้งซ่อมในเขตยึดครองของฝ่ายค้านอีกหลายเขต
ส่งผลต่อตัวเลขที่เคยปริ่มน้ำ ขยับสูงขึ้น
จากหลักหน่วยมาอยู่หลักสิบ รัฐบาลมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น
การเลือกตั้งซ่อม 20 มิถุนายน จึงดูคล้ายไม่สู้สำคัญ เดิมพันสูง แพ้ไม่ได้
แต่กระนั้นก็ยังดำรง คงความสำคัญ
อย่างน้อยก็ต่อระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทน ความจำเป็นประชาชนเขต 4 ต้องมีตัวแทนปากเสียงในสภา
สะท้อนความนิยม ที่มีต่อรัฐบาลและฝ่ายค้าน
และอาจมีความหมายยิ่ง ต่อการช่วงชิง ต่อสู้ เพื่อรักษาเก้าอี้ เพิ่มอำนาจการต่อรอง ของมุ้งค่ายต่างๆ ในพรรคพลังประชารัฐ
ผู้ที่กำกับดูแลพื้นที่เลือกตั้งเขต 4 ลำปาง หากสามารถชิงที่นั่งฝ่ายค้าน มาเสริมเพิ่มเสียงให้กับพลังประชารัฐได้
เท่ากับค้ำยันขาเก้าอี้รัฐมนตรีให้แน่นหนายิ่งขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น ยังส่งผลดีต่อภาพลักษณ์รัฐบาล
การเลือกตั้งซ่อมที่ดูไม่สลักสำคัญมากนัก
แท้จริงแล้ว กลับมีความหมาย
เป็นความหมายที่ลึกซึ้งกว่าการมองอย่างตื้นเขิน 1 ที่นั่ง ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงสถานะฝ่ายค้าน
1 ที่นั่งเมื่อเทียบกับอายุของสภาผู้แทนราษฎรที่ประเมินว่า เหลือสั้นแล้ว ไม่คุ้ม
ข้ออ้างการเว้นวรรคนี้ เป็นมุมมองที่เห็นแก่ผลประโยชน์ตน ประโยชน์พรรค
มากกว่าผลประโยชน์ประชาชนหรือไม่
พรรคเพื่อไทยไม่ส่งผู้สมัคร ลงรักษาที่นั่ง ส.ส.เขต 4 ลำปาง เนื่องจากนักการเมืองที่มีบทบาท และกุมฐานเสียงเขตนี้ ไม่พร้อม
การไม่ลงสมัคร ไม่ส่งผู้สมัคร เป็นสิทธิของพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน
ไม่มีกฎหมายข้อห้ามใด
หากจะมีก็ค่าที่ต้องจ่าย และอาจสูงยิ่ง
จังหวัดลำปางเป็นหัวเมืองรอง ไม่ใช่เมืองหลวงเพื่อไทยอย่างเชียงใหม่
แต่อิทธิพลจากนายกฯเชียงใหม่อย่างน้อย 2 คน จากไทยรักไทยสู่เพื่อไทย ก็แผ่ขยายถึง การเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุด 24 มีนาคม 2562 เพื่อไทยกวาด ส.ส.ลำปางยกจังหวัด 4 คน
กล่าวเฉพาะเขต 4 เพื่อไทยชนะ 42,000 คะแนนเศษ อันดับสองพลังประชารัฐ ประมาณ 30,000 ที่สามอนาคตใหม่ประมาณ 26,000 คะแนน
การเลือกตั้งซ่อมแทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจากอดีต ส.ส.เพื่อไทย เขตนี้ อิทธิรัตน์ จันทรสุรินทร์ เสียชีวิต
ผู้ที่ได้อันดับ 1-3 มีเพียงจากพลังประชารัฐคนเดิมลงสมัครแก้มืออีกครั้ง
เพื่อไทยเว้นวรรค ก้าวไกล (อนาคตใหม่) ติดปมปัญหาคุณสมบัติ
ตัวแทนฝ่ายค้านสู้ศึกครั้งนี้ คือผู้สมัครคนเดิมจากพรรคเสรีรวมไทย ซึ่งการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เป็นที่ 6 พกคะแนน 2,466 มาสู้
เมื่อเพื่อไทยไม่สู้ ว่ากันว่า พลังประชารัฐนอนมา
สนามกร่อย ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้น ติดตามดู
แต่พูดอย่างนั้น เห็นจะเป็นการดูถูกประชาชนเกินไป
ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยที่ชนะเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา คะแนนที่ได้มาจากทั้งความนิยมส่วนตัว และคะแนนพรรค
แต่ไม่ว่าคะแนนชนิดใด มันคงมิได้โอน ถ่ายให้กันง่ายดายเหมือนโอนเงินเข้าบัญชีในระบบอีแบงกิ้ง
ดูจากฐานคะแนนเดิม และแต้มต่อ ข้อได้เปรียบในฐานะผู้สมัครที่เป็นตัวแทนพรรครัฐบาล มิหนำซ้ำยังมิใช่พรรคร่วมธรรมดา หากแต่เป็นพรรคแกนนำ
แน่นอน ผู้สมัครพลังประชารัฐ มีโอกาสสูงอย่างสูงยิ่ง ที่จะชนะเลือกตั้ง
จริงอยู่ผู้ได้คะแนนสูงสุดชนะเลือกตั้งตามเกณฑ์ตัดสิน
แต่โดยที่การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ มีลักษณะแตกต่าง ห่างไกลความหมายของการแข่งขัน ต่อสู้ชิงที่นั่งอย่างเข้มข้นในกรอบขอบเขตกติกา
แต่สาบกลิ่น โอลด์ นอร์มอล น้ำเน่ามากกว่า
ฉะนั้น คะแนนที่ผู้สมัครแต่ละคนได้รับต่างหาก น่าสนใจ
จะไหลไปอยู่กับใครบ้าง
อาจน่าสนใจมากกว่า ผลเลือกตั้งด้วยซ้ำ
4 หมื่นกว่าคะแนนนั้น นักการเมืองคุมได้-สั่งได้จริง ประชาชนไม่มีความคิดความอ่านการเมืองอย่างนั้นหรือ
อาจบางทีคะแนนที่ออกมา ไม่แน่ว่าอาจให้บทเรียนแก่นักการเมือง
ในสนามเลือกตั้งนั้น
ใครสั่งได้-ใครสั่งสอนใคร เมื่ออำนาจกากบาท อยู่ในมือประชาชน