จับตาสภาวันนี้! โหวต พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ วงเงิน 1.9 ล้านล้าน ส่อเค้าบานปลาย

จับตาสภาวันนี้ ! โหวต พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ส่อเค้าบานปลาย หลัง ‘ฝ่ายค้าน’ ประสานประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทยกดดันพรรคพลังประชารัฐและรัฐบาล ขอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบเงินกู้วงเงินสูงสุดในประวัติศาสตร์

แม้ท่าทีล่าสุดของซีกรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ “นายวิรัช รัตนเศรษฐ” ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม อ้างว่าวันนี้เพิ่งย้ายตึกมาใช้ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎร เห็นความไม่พร้อมในหลายอย่าง และในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งห้องต่างๆ ก็ยังไม่พร้อม อีกทั้งเจ้าหน้าที่ก็ยังเข้ามาดูแลในส่วนนี้ได้ไม่เต็มที่ นอกจากนี้ ยังมีการตั้ง กมธ.วิสามัญคณะอื่นๆ อีก เช่น กมธ.วิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญ กมธ.สามัญ ก็มี 35 คณะ ซึ่งสามารถให้ กมธ.สามัญ เช่น กมธ.การคลัง ที่มีอยู่แล้วรับไปตรวจสอบดูแลก็ได้ หรือหากไม่พอก็มี กมธ.ติดตามงบประมาณไปช่วยดูอีกก็ได้ ซึ่งก็น่าจะทำได้

ขณะเดียวกัน ท่าทีของ “นายสุทิน คลังแสง” ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ออกมาต่อรองถึงขนาดจะยอมโหวตหนุน 3 พ.ร.ก. แต่ยื่นเงื่อนไขต้องตั้ง กมธ. โดยระบุว่า “ถ้านายกฯรับเงื่อนไขฝ่ายค้านตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบเงินกู้ พวกเราก็อาจโหวตเห็นด้วยกับ พ.ร.ก.เงินกู้ก็ได้”

ขณะที่ท่าทีของพรรครัฐบาล “นายภราดร ปริศนานันทกุล” ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย และคณะ ออกมาแถลงข่าวว่า ตนในฐานะ ส.ส.ขอใช้เอกสิทธิ์ร่วมกับ ส.ส.กว่า 20 คน จากหลายพรรคการเมือง เช่น พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ เสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินจากการกู้เงินตาม พ.ร.ก.

Advertisement

“มองช่องทางกลไกของรัฐสภาเป็นช่องทางที่ดีที่สุดในการตรวจสอบ รวมถึงเป็นหน้าที่ของ ส.ส.ที่จะตรวจสอบร่วมกับรัฐบาลเพื่อให้การใช้งบประมาณเป็นไปตามวัตถุประสงค์”

เช่นเดียวกับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ออกมาแถลงว่า พวกตนยื่นเรื่องถึงประธานสภาเพื่อขอให้ตั้งคณะ กมธ.วิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินจากการกู้เงินตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากเห็นว่าจำนวนเงินกู้สูงถึง 1 ล้านล้านบาท แม้จะมีบัญชีแนบท้ายกำหนดกรอบไว้กว้างๆ แต่ไร้รายละเอียดใดๆ ของโครงการ ยิ่งเมื่อฟังการชี้แจงของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่อ้างว่าจำเป็นเร่งด่วนต้องใช้จ่ายเงินด้วยความรวดเร็ว จึงมีเวลาเสนอโครงการน้อย จึงเป็นห่วงว่าการกู้เงินมหาศาลนี้ อาจจะนำไปสู่ปัญหาการใช้จ่ายที่ไม่ตรงเป้าหมาย ไม่โปร่งใส รั่วไหล จะยิ่งสร้างความเสียหายเสมือนซ้ำเติมคนไทยมากยิ่งขึ้น

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image