แกนนำนปช.มาศาลนัดพร้อม คดีชุมนุมไล่ ‘มาร์ค’ ปี 52 หลังศาลเลื่อนนัดเดิมช่วงโควิด

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ที่ห้องพิจารณา 701 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดพร้อมคู่ความ คดีหมายเลขดำ อ.968/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อายุ 71 ปี อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), นายจตุพร พรหมพันธุ์ อายุ 54 ปี ประธาน นปช., นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อายุ 44 ปี เลขาธิการ นปช. กับพวกรวม 13 คน เป็นจำเลยที่ 1-13 กรณีกลุ่ม นปช.จัดการชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ครั้งแรกเมื่อปี 2552

ในความผิดฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาฯ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่อง ให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 และฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ที่ห้ามชุมนุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ

โดยวันนี้แกนนำ นปช. จำเลยทยอยเดินทางมาศาลช่วงเช้า นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. จำเลยที่ 4 ให้สัมภาษณ์ถึงคดีนี้ว่า คดีนี้เดิมสำนวนอยู่ในการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นเวลายาวนาน หลังจากที่คดีของนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. (คดีล้มประชุมอาเซียน) พิพากษาชั้นอุทธรณ์ ทำให้ กปปส.ไปยื่นเรื่องเจ้าหน้าที่จึงหยิบยกคดีนี้ขึ้นมาพิจารณาใหม่ เดินเข้าสู่กระบวนการตุลาการ เราก็ไม่มีปัญหาอะไร เรายินดีที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง พอดีติดช่วงโควิด เดิมนัดในเดือน เม.ย. จึงขยับมาเป็นวันนี้ เพื่อกำหนดวันนัดสืบพยาน

ขณะที่ นางธิดา ถาวรเศรษฐ ที่ปรึกษา นปช. กล่าวถึงคดีนี้มาจากกรณีชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล ส่วนคดีที่พัทยาหลังมีการตัดสินจำคุก 4 ปี 8 เดือน มีผู้หวังดีอยากให้แกนนำส่วนกลางจะต้องมีส่วนรับแบบเดียวกับคดีที่พัทยา จึงเกิดทั้งคดีที่พัทยาและคดีที่กรุงเทพฯ เป็นเหตุการณ์ปี 2552 เหมือนกันทั้งหมด และคดีที่พัทยา คำฟ้องเอาหลักฐานที่กรุงเทพฯ ไปใส่ทั้งหมด แกนนำ นปช. ก็เลยร้องให้มีการนำคดีที่พัทยามารวมกับคดีที่กรุงเทพฯ ยังไม่รู้จะได้หรือไม่ ปัจจุบันจึงมี 2 คดี หรืออาจจะรวมเป็นคดีเดียวต่อไปก็ได้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image