นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ช่วง 4 เดือนแรกปี 2563 การค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย มีมูลค่ารวม 415,241 ล้านบาท ลดลง 9.45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออก 239,495 ล้านบาท ลดลง 9.68% และการนำเข้า 175,746 ล้านบาท ลดลง 9.13% ทำให้ไทยเกินดุลการค้า 63,749 ล้านบาท ทั้งนี้ แยกเป็นรายประเทศค้าชายแดน พบว่า มาเลเซียเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่ง มีมูลค่ารวม 70,022 ล้านบาท ลดลง 32.35% รองลงมาคือ เมียนมา มูลค่า 60,194 ล้านบาท ลดลง 7.08% กัมพูชา มูลค่า 59,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.06%และ สปป.ลาว มูลค่า 62,745 ล้านบาท ลดลง 2.63% สินค้าส่งออกไปมาเลเซีย อาทิ ยางพารา เครื่องคอมพิวเตอร์ และสินค้าอุตสาหกรรม ส่วนเมียนมา อาทิ สินค้าน้ำมันดีเซล เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และผ้าผืนและด้าย สำหรับสปป.ลาว อาทิ น้ำมันดีเซล สินค้าปศุสัตว์อื่นๆ สินค้าแร่และเชื้อเพลิงอื่นๆ และกัมพูชา อาทิ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ สินค้าปศุสัตว์ และรถยนต์ อุปกรณ์ เป็นต้น
นายกีรติ กล่าวว่า ในส่วนการค้าผ่านแดน 3 ประเทศช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ พบว่า จีนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่ง มีมูลค่ารวม 66,322 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.18% รองลงมา คือ สิงคโปร์ มูลค่า 26,874 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.05% และเวียดนาม มูลค่า 18,259 ล้านบาท ลดลง 32.72% ตามลำดับ
“ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการค้าชายแดนและผ่านแดนลดลง เนื่องจากมีการประกาศปิดจุดผ่านแดนถาวรของไทย จากเดิมทั่วประเทศ 42 จุด เหลือ 26 จุด ประกอบกับความต้องการสินค้าและปัจจัยการผลิตของประเทศเพื่อนบ้านลดลง “ นายกีรติ กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า 4 เดือนแรกการค้าชายติดลบมากขึ้นเมื่อเทียบ 3 เดือนแรกที่ลบ 7% เป็นผลกระทบจากโควิดระบาด เป็นเรื่องที่ได้คาดการณ์ไว้แล้ว เพราะการปิดด่านทำให้การขนย้ายสินค้าไม่ได้ แต่หลังจากหลายประเทศเปิดประเทศเปิดด่านปกติ ก็ทำให้การขนย้ายและนำเข่าสินค้าจากไทยเพิ่มต่อเนื่อง โดยการค้าชายแดนฟื้นในครึ่งปีหลัง แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ จะมีการทบทวนตัวเลขเป้าหมายการค้าชายแดนผ่านแดนอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งต้นปีตั้งเป้าโต 10-15% มูลค่าประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท โดยมีโอกาสที่จะบวกหรือลบไม่เกิน 5% หรือมูลค่าไม่ถึง 1.5 ล้านล้านบาท
