ถกวุ่นค่าคลื่น3.2พันล. บอร์ดอสมท เล็งส่งป.ป.ช.-แจ้งก.ล.ต.กัน”ผิด”

ถกวุ่นค่าคลื่น3.2พันล. บอร์ดอสมท เล็งส่งป.ป.ช.-แจ้งก.ล.ต.กัน”ผิด”

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน นายสุวิทย์ มิ่งมล ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท อสมท จำกัด(มหาชน) เข้ายื่นหนังสือต่องานสารบรรณของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จากนั้นให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่ กสทช. มีข้อสรุปวงเงินเยียวยาคลื่นความถี่ย่าน 2600 เมกะเฮิรตซ์ ให้กับ อสมท 3,235 ล้านบาท และยังมีมติกำหนดแบ่งเงินเยียวยากับบริษัทคู่สัญญา ตามหนังสือที่ทาง อสมท ส่งไปยัง กสทช. โดยนายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท ที่อ้างว่า กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท เป็นผู้มีอำนาจตามกฎหมายในการชดใช้ และจ่ายค่าตอบแทน ลงวันที่ 4 มิถุนายน 2563 นั้นขณะนี้ มีข้อเท็จจริงปรากฏว่าในการประชุมคณะกรรมการ อสมท วันที่ 11 มิถุนายน บอร์ดไม่ได้มีมติรับรองอำนาจของนายเขมทัตต์ ประกอบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้ นายเทวัญ ลิปภตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักฯ ลงมาตรวจสอบ ข้อเท็จจริงให้ปรากฏ โดยให้ดำเนินการเรื่องเงินเยียวยา อย่างรอบคอบ โดยยึดถือประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติ

ทั้งนี้ เพื่อความถูกต้องและรอบคอบ สหภาพ เห็นว่า ขณะนี้ กสทช. ควรดำเนินการเพียงแจ้งสรุปวงเงินเยียวยามายัง อสมท อย่างเป็นทางการ เพื่อให้คณะกรรมการอสมท ประชุมและสรุปว่า จะตอบสนองต่อวงเงินเยียวยา และต้องมีการเรียกประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งมีทั้งผู้ถือหุ้นรายย่อย และกระทรวงการคลัง ผู้ถือหุ้นใหญ่ อยู่ในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

อย่างไรก็ตาม หาก กสทช. มีมติก้าวล่วงถึงสัดส่วน การชดเชย โดยอ้างอิงเอกสารการมอบและใช้อำนาจ ที่อาจมิชอบของประธานคณะกรรมการบริษัท และนายเขมทัตต์ แล้วเกิดข้อเท็จจริงว่า เป็นการมอบและใช้อำนาจที่ไม่เป็นไปตามกฎระเบียบ จนความเสียหายขึ้นภายหลัง ก็จะทำให้ กสทช. ต้องเสียหายไปด้วย จึงขอให้กสทช.ยืนยันวงเงินเยียวยาให้ อสมท อย่างเร่งด่วน และทบทวนมติในการกำหนดแบ่งสัดส่วนชดเชย เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบ และเห็นควรรอความเห็นจากการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามที่นายกฯมีคำสั่งให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดำเนินการด้วย เพื่อความรอบคอบและผลประโยชน์สูงสุดของทุกฝ่าย

รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมบอร์ดที่นายสุวิทย์พูดถึงนั้น มีขึ้นเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน แต่ที่ประชุมยังไม่ได้มีมติใดๆในเรื่องนี้ ทั้งนี้เนื่องจาก มีกรรมการ4-5 คน ลุกขึ้นสอบถาม ประธานบอร์ด ว่า ไม่มีอำนาจ มอบอำนาจผอ.ทำหนังสือชี้แจงต่อกสทช.เสนอสูตรแบ่ง50:50 เนื่องจากเป็นอำนาจบอร์ด แต่บอร์ดไม่เคยประชุมและมีมติในเรื่องนี้ ขณะที่ประธานชี้แจงว่าไม่ได้มอบอำนาจ แต่มอบหมาย

Advertisement

อย่างไรก็ตามประธานที่เข้าร่วมประชุมผ่านวิดีโอคอลได้พักใหญ่ ได้ออกจากการประชุมไปเนื่องจากสัญญาณไม่ดี รองประธานจึงเข้ามาทำหน้าที่ประธานชั่วคราวแทน ในที่ประชุมมีการอภิปรายเสนอความเห็น บอร์ด4-5คน ไม่เห็นด้วยกับผอ. ที่ดำเนินการโดยตั้งคำถามทำโดยพลการหรือไม่ และเสนอให้มีการลงมติ ให้เสนอเรื่องต่อกสทช.เพื่อให้ระงับมติ10 มิถุนายน

ขณะกำลังจะลงมติ บอร์ดบางคนโทรศัพท์ถึงประธาน และประธานได้วิดิโอคอลเข้าร่วมประชุมอีกครั้ง และเสนอปิดการประชุม ทำให้ไม่มีการลงมติใด ทั้งนี้เมื่อไม่มีการลงมติ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับผอ. จึงอภิปรายขอสงวนสิทธิ์ ทำหนังสือต่อป.ป.ช. ตลาดหลักทรัพย์ และก.ล.ต.ว่าไม่เห็นด้วย กับการกระทำของผอ. เนื่องจากไม่มีอำนาจ และเกรงว่าการเสนอเรื่องดังกล่าว จะทำให้รัฐเสียหาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบอร์ดที่มีส่วนเกี่ยวข้อง สุ่มเสี่ยง ติดคดีความได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image