เอเอฟพี อ้าง หนังสือพิมพ์ซีแอตเทิล ไทม์ส รายงานเมื่อวันเสาร์ที่ 13 มิถุนายนว่า นายไมเคิล ฟลอร์ ชายอเมริกันวัย 70 ชาวเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ซึ่งเกือบเสียชีวิตหลังจากติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่โชคดีที่รอดชีวิตมาได้หวุดหวิด หลังจากต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 62 วัน เจอบิลค่ารักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเงินถึง 1,122,501.04 ดอลลาร์ หรือราว 34,797,532 ล้านบาท
ข่าวว่า นายฟลอร์ เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งของเมืองซีแอตเทิลตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม และช่วงหนึ่งมีอาการทรุดหนัก กระทั่งพยาบาลต้องโทรศัพท์เพื่อให้บอกลากับภรรยาและลูกๆ แต่ปรากฏว่า ฟลอร์ สามารถฟื้นตัว มีอาการดีขึ้นเป็นลำดับ กระทั่งได้รับการปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม โดยได้รับบิล หรือใบแจ้งค่ารักษาพยาบาลยาว 181 หน้า เป็นยอดเงิน 1,122,501.04 ดอลลาร์ หรือเกือบ 35 ล้านบาท
ข่าวระบุ ใบแจ้งค่ารักษาพยาบาลดังกล่าว จำแนกเป็นค่ารักษาตัวในห้องไอซียูวันละ 9,736 ดอลลาร์ หรือราว 301,816 บาท จากนั้นเมื่อย้ายเข้าไปพักอยู่ในห้องปลอดเชื้อ ซึ่งนายฟลอร์พักอยู่ 42 วัน ค่าห้องวันละเกือบ 409,000 ดอลลาร์ หรือราว 12,679,000 บาท และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ 29 วันรวมเป็นเงิน 82,000 ดอลลาร์หรือราว 2,542,000 บาท และเมื่อนายฟลอร์มีอาการทรุดหนัก มีโอกาสเป็นตายเท่ากัน ซึ่งมีค่ารักษาพยาบาล 2 วันเป็นเงินราว 100,000 ดอลลาร์ หรือราว 3,100,000 บาท
อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ซีแอตเทิล ไทม์ส เล่าว่า นายฟลอร์ไม่ต้องควักเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลสักดอลลาร์ โดยใช้สิทธิในประกันสุขภาพ Medicare ของรัฐบาล แต่นายฟลอร์ก็ว่ารู้สึก “ละอายใจ” รู้สึกผิดที่ ผู้เสียภาษีรายได้ต้องมาแบกรับค่าใช้จ่ายมากมายเช่นนี้
“มันคือเงินเป็นล้านที่ช่วยชีวิตผมไว้ และแน่นอนที่ผมต้องพูดว่านี่เป็นการใช้เงินที่ดี แต่ผมก็รู้ว่าคงมีผมแค่คนเดียวเท่านั้นที่พูดอย่างนี้ ”
อนึ่ง สภาคองเกรส อนุมัติแผนโครงการใหญ่เพื่อช่วยประคับประคองเศรษฐกิจอเมริกันให้ก้าวผ่านช่วงที่ต้องปิดตัวในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งรวมทั้งงบประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3,100 พันล้านบาท เพื่อจ่ายชดเชยให้แก่โรงพยาบาลต่างๆและบริษัทประกันเอกชนที่จ่ายเงินให้แก่ผู้ป่วยโควิด-19
