ครม.เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.งบฯ64 วงเงิน 3.3 ล้านลบ. ให้ รมว.-รมช.-ปลัดคลังนั่ง กมธ.ในสัดส่วน

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์

ครม.เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.งบฯ64 วงเงิน 3.3 ล้านลบ. ให้ รมว.-รมช.-ปลัดคลังนั่ง กมธ.ในสัดส่วน

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 16 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายกฯได้แจ้งที่ประชุมก่อนการประชุม ครม. เรื่องผลการประชุม ศบค.กรณีการยกเลิกเคอร์ฟิว ซึ่งมีผลในวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมาไปแล้ว โดยนายกฯ ได้เน้นย้ำให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เกิดการรับรู้เรื่องการใช้ชีวิตวิถีใหม่ นอกจากนี้ นายกฯได้เน้นเรื่องแผนการฟื้นฟูการท่องเที่ยว และวางแผนปรับพื้นที่การท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับมาตรฐานทางสาธารณสุขเพื่อนำไปสู่การท่องเที่ยวมิติใหม่

นางนฤมลกล่าวอีกว่า ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี’64 วงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท เพื่อเตรียมนำเสนอต่อสภาต่อไป ซึ่งตัวร่าง พ.ร.บ.ได้พิมพ์เป็นรูปเล่มแล้ว จำนวน 39 เล่ม จำแนกเป็นกลุ่มงบประมาณ ได้แก่ งบกลาง จำนวน 614,616.2 ล้านบาท รายจ่ายของหน่วยรับงบฯอีก 1.135 พันล้านบาท รายจ่ายบูรณาการอีก 257,000 กว่าล้านบาท รายจ่ายบุคลากร 776,887 ล้านบาท รายจ่ายสำหรับทุนหมุนเวียน 221,981 ล้านบาท และรายจ่ายเพื่อการชำระหนี้ภาครัฐ 293,454 ล้านบาท ทั้งนี้ ครม.มีมติเห็นชอบกรรมาธิการ (กมธ.) จำนวน 64 คน โดย กมธ.วิสามัญพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี’64 นี้ ทางรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึงปลัดกระทรวงการคลังจะเป็น กมธ.ในสัดส่วนของ ครม.ที่จะต้องมีไม่เกิน 10 คน สำหรับ กมธ.ในสัดส่วนของพรรคการเมืองที่เหลืออีก 48 คน จะเป็น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล 27 คน ส.ส.ฝ่ายค้าน 21 คน โดยจะมีการคัดเลือกโดยกระบวนการของฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป

นางนฤมลกล่าวอีกว่า สำหรับการประชุมร่วมทางไกลการประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง เบลต์แอนด์โรด ซึ่ง ครม.เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมประชุม และ ครม.ได้รับรองถ้อยแถลงร่วมของการประชุมระดับสูง ซึ่งจะเป็นการประชุมทางไกล โดยธีมหลักจะเป็นการต่อสู้กับโรคโควิด-19 ด้วยความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งเจ้าภาพหลักจะเป็นสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยจะประชุมในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ และจะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมกว่า 20 ประเทศ และมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากองค์การอนามัยโลก และสหประชาชาติเข้าร่วมหารือด้วย ทั้งนี้ ถ้อยแถลงที่ ครม.เห็นชอบเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศตามเส้นทางสายไหมที่จะร่วมมือกันรับมือกับโควิด-19 และจะร่วมมือกันในระบบเศรษฐกิจ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์ ให้ประเทศที่ได้รับผลกระทบ ส่งเสริมการเข้าถึงวัคซีน การกระชับความร่วมมือ และการเปิดเส้นทางคมนาคมเพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างพรมแดน และขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ฯลฯ

 

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image