“บรรยิน”ขึ้นศาล คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา โวยไม่ได้แหกคุก ถูกขังเดี่ยว ตีตรวน อ้างอ่านเอกสารไม่ทันขอเลื่อน ศาลให้เวลาภายใน 60 วัน (มีคลิป)

”บรรยิน” ขึ้นศาล ตามนัดตรวจหลักฐานคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา ท่านเปาหญิงในฐานะผู้เสียหายยื่นขอเป็นโจทก์ร่วม ผู้ต้องหาปฏิเสธแหกคุก โวยถูกขังเดี่ยว ตีตรวนตลอดเวลา อ้างอ่านเอกสารไม่ทันขอเลื่อน ศาลให้เวลาภายใน 60 วัน

 

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีอุ้มฆ่าพี่ชายของผู้พิพากษา หมายเลขดำ อท.69/2563 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์ กับพวกรวม 6 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ และข้อหาอื่นๆ

วันนี้มีการเบิกตัว พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 จากเรือนจำบางขวางมาถึงศาลในช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. โดยมีชุดหนุมานกองปราบปรามขับรถนำขบวนผู้คุมตัว พ.ต.ท.บรรยิน มีรถคุ้มกันปิดท้ายอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากมีข่าวว่าจำเลยวางแผนแหกคุก สำหรับการนัดตรวจพยานหลักฐานในวันนี้ ศาลได้นัดพิจารณาเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 1 ก่อน ทั้งนี้ ศาลได้จัดถ่ายทอดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ให้ผู้สื่อข่าวได้รับชมการพิจารณาวันนี้ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพ

ต่อมาเวลา 10.35 น. เจ้าหน้าที่ได้ควบคุม พ.ต.ท.บรรยิน เข้ามายังห้องพิจารณาคดี ด้วยชุดผู้ต้องขังติดตรวนเท้า ถือหน้ากากอนามัย มีท่าทีปกติ ก่อนนั่งปรึกษากับทีมทนายความ 3 คน โดยยังมีตำรวจจากหน่วยหนุมาน และเจ้าพนักงานตำรวจศาล นั่งกระจายรอบๆ ห้องพิจารณา

Advertisement

จากนั้นเวลาประมาณ 10.45 น. ศาลจึงเริ่มขึ้นบัลลังก์พิจารณา โดยโจทก์ได้ยื่นพยานหลักฐาน และ น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาในฐานะผู้เสียหาย ยื่นขอเป็นโจทก์ร่วม ศาลพิเคราะห์แล้วอนุญาต ส่วนฝ่ายจำเลยยื่นขอเลื่อนตรวจหลักฐาน โดยอ้างยังอ่านเอกสารพยานหลักฐานไม่แล้วเสร็จ พร้อมยืนยันให้การปฏิเสธ ระบุว่าถูกจำเลยที่ 2-6 ให้ร้ายกลั่นแกล้ง ในวันเกิดเหตุตนไม่อยู่ในเหตุการณ์ และขอปรึกษาภรรยาและลูกสาว

นอกจากนี้ พ.ต.ท.บรรยิน ยังแถลงด้วยว่า ตนอยู่ในเรือนจำไม่มีที่เก็บเอกสาร ไม่ได้อ่านสำนวนเลย ตนถูกจับขังเดี่ยว ถูกใส่ตรวนตลอดเวลา ปฎิบัติเยี่ยงสัตว์ ตนไม่มีโอกาสดูเอกสารทั้ง 10 แฟ้ม จะให้ทนายทำให้ ตนก็จะเสียเปรียบ เพราะทนายไม่ได้ไปอุ้มกับตนด้วย รวมทั้งหลักฐานที่เป็นคลิปจากกล้องวงจรปิดที่ต้องใช้เครื่องมือตรวจสอบ ถ้าได้ประกันตัวตนรับได้ เนื่องจากตนต้องไปสืบพยานที่ศาลอาญาพระโขนงทุกสัปดาห์ ตนต้องเตรียมต่อสู้คดีนั้น จนไม่ได้มาสนใจคดีนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีข่าวเรื่องตนจะแหกคุก ตนไม่รู้เรื่อง ตนอยู่ในเรือนจำ ถูกพันธนาการตลอดจนเครียดมากถึงขั้นผูกคอตาย และทนายที่ดูคดีนี้ไม่ได้เดินทางมาในวันนี้ด้วย

ทางศาลชี้แจงว่าศาลใช้ระบบไต่สวน สามารถซักถามพยานได้ และแจ้งว่า การพิจารณาครั้งนี้เป็นความลับ และเพื่อรักษาความปลอดภัย รวมทั้งความสงบเรียบร้อยในบริเวณศาล จึงไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้อง ทั้งภรรยาและลูกสาวของจำเลยด้วย แม้ว่าจะเป็นผู้ช่วยทนายก็ตาม ซึ่งหากจะปรึกษากับภรรยาและลูกสาว เป็นเรื่องทางเรือนจำจะจัดการ แต่สามารถนั่งฟังในห้องที่ถ่ายทอดภาพและเสียงที่ศาลจัดไว้ให้ได้

Advertisement

นอกจากนี้ตอนหนึ่ง ศาลสอบถามทนายจำเลยที่ 1และที่ 2เกี่ยวกับการโต้แย้งพยานหลักฐานของโจทก์
แนวทางการเสนอพยานหลักฐานในประเด็นที่โต้แย้ง และการแถลงเกี่ยวกับประเด็นและความจำเป็นที่ต้องสืบพยานหลักฐานและวิธีการได้มาซึ่งพยานหลักฐานตามที่ศาลมีคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2563 ทนายจำเลยที่ 1เเละ2 แถลงว่าไม่ได้ทำบันทึกโต้แย้งพยานหลักฐานและคำแถลงเกี่ยวกับประเด็นและความจำเป็นที่ต้องสืบพยานหลักฐานและวิธีการได้มาซึ่งพยานหลักฐานต่อศาล ขออนุญาตเสนอภายใน 60 วัน ตามที่ศาลกำหนดข้างต้น ศาลอนุญาต

ให้นัดตรวจพยานหลักฐานของโจทก์กับจำเลยที่ 2-6และกำหนดวันนัดพิจารณาคดีในวันที่ 25มิถุนายน 2563เวลา 10.00 น.

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image