สมช.ยันยืดฉุกเฉินอีก 1 เดือน ไร้นัยยะการเมือง แค่ใช้สู้กับโควิด

การยืดใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือนครอบคลุมทั้งเดือนกรกฎาคม ยังเป็นที่จับตามองว่ารัฐบาลหวังผลทางการเมืองที่หลายกลุ่มเริ่มออกมาเคลื่อนไหวหรือใช้ควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 นั้น

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายว่า พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)ให้เหตุผลว่า การขยายเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ออกไปอีก 1 เดือน ครอบคลุมตลอดเดือนกรกฎาคมนั้น เตรียมเสนอเรื่องให้ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ พิจารณาในวันที่ 29 มิถุนายน และให้ ครม.พิจารณาในวันที่ 30 มิถุนายนนี้เพื่อเตรียมรองรับสำหรับการคลายล็อกกิจการ และกิจกรรมในระยะที่ 5 ที่มีความเสี่ยงสูงในการแพร่ระบาดไวรัสโควิดมากที่สุด รวมถึงการเปิดการเรียนการสอนในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ เพราะต้องให้ความสำคัญกับเด็กและผู้สูงอายุ โดยตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม เมื่อเริ่มผ่อนคลายจะเกิดการรวมตัวกันมากขึ้น ทั้งการเดินทางในระบบสาธารณะที่จะหนาแน่นขึ้น จึงเป็นเหตุผลที่จะต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้มั่นใจว่ากิจการที่มีความล่อแหลมจะได้รับการกำกับดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ

“มีคำถามว่า กฎหมายฉบับอื่นที่จะนำมาใช้มีหรือไม่ ก็ต้องตอบว่ามี แต่ถ้าไม่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะต้องใช้กฎหมายไม่ต่ำกว่า 5 ฉบับ เพื่อนำมาทำงานให้เกิดประสิทธิภาพ และก็ไม่มั่นใจว่าจะมีประสิทธิภาพเท่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ เช่น พ.ร.บ.โรคติดต่อ เป็นการออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดเหตุการณ์ เป็นการแก้เฉพาะจุด ไม่มีมาตรการอะไรที่จะเป็นมาตรการป้องกันได้ เราจึงใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินควบคู่กับ พ.ร.บ.โรคติดต่อ จึงทำให้เราสามารถควบคุมสถานการณ์มาได้จนถึงปัจจุบัน” พล.อ.สมศักดิ์กล่าว

เมื่อถามว่า ฝ่ายการเมืองมองว่าการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ในขณะนี้ พล.อ.สมศักดิ์กล่าวว่า ยืนยันมาตลอดว่า ตั้่งแต่วันที่ 26 มีนาคม ที่นายกฯตัดสินใจประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จนถึงวันนี้ และอาจจะต่อไปอีก 1 เดือน ไม่มีนัยยะทางการเมือง เพราะใช้เพื่อการควบคุมโรคเป็นหลัก ยกตัวอย่างเมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา มีการชุมนุมอยู่หลายจุด สังเกตว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ใช้มาตรการอะไรไปห้ามปราม และถ้าจะขยายออกไปอีก 1 เดือนก็เพื่อเหตุผลด้านสาธารณสุข และไม่มีการประกาศเคอร์ฟิวเหมือนเดิม แสดงให้เห็นว่า ไม่ได้มี
นัยยะทางการเมืองใดๆ

Advertisement

ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเรื่องพ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ จะมีการผ่อนปรนระยะที่ 5 ทั้ง ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบ อบนวด ฯลฯ ต้องมีการรับมือตั้งแต่ต้น โดยต้องคิดไว้ก่อนว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจและการทำมาหากินของประชาชน รวมทั้งมาตรการของรัฐจะต้องมีอย่างไรในระดับที่เข้มข้นในการติดตามตรวจสอบ หากเปิดแล้วปิดได้หากไม่ปฏิบัติตามมาตรการของรัฐ ซึ่งรัฐบาลต้องคิดให้รอบด้าน ต้องดูว่ามีปัญหาที่เกี่ยวข้องอะไรบ้าง จะปลดล็อกตรงไหนอย่างไร มีมาตรการไหนรองรับและลดความเสี่ยงได้บ้าง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image