เอเอฟพีรายงาน อัยการรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ประกาศเมื่อวันอังคารที่ 30 มิถุนายน ว่าบรรดาผู้หญิงที่ตกเป็น “เหยื่อ” ของฮาร์วีย์ ไวน์สตีน ที่เคยถูกอดีตเจ้าของค่ายภาพยนตร์ และผู้ทรงอิทธิพลในวงการฮอลลีวู้ด วัย 68 ปี ล่วงละเมิดทางเพศ หรือลวนลามในที่ทำงาน จะได้รับเงินค่าเสียหาย 19 ล้านดอลลาร์ หรือราว 589 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางคดีความในชั้นศาล
ข่าวระบุว่า แต่การจ่ายเงินค่าเสียหายดังกล่าว จะต้องได้รับการอนุมัติจาก 2 ศาล อันเป็นผลมาจากคดีความที่มีโจทก์หลายรายยื่นฟ้องไวน์สตีน ที่กำลังรับโทษอยู่ในเรือนจำ ถูกตัดสินจำคุก 23 ปี รวมทั้งคดีที่ยื่นฟ้องบริษัทเดอะ ไวน์ สตีน คัมปานี ค่ายภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ที่นายไวน์สตีน เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง
“ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน และ เดอะ ไวน์สตีน คัมปานี ทำให้พนักงานหญิงผิดหวัง หลังจากมีการล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขู่ เลือกปฏิบัติ และเลือกปฏิบัติทางเพศ แต่ในที่สุดเหยื่อผู้รอดชีวิตเหล่านี้กำลังจะได้รับความยุติธรรมบางส่วน” เลทิเทีย เจมส์ กล่าวในแถลงการณ์
ในคดี ระบุว่า ไวน์สตีน “เรียกร้องหรือบังคับให้พนักงานหญิงมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่เต็มใจเพื่อแลกกับการได้ทำงานต่อไป หรือเพื่อความก้าวหน้าในการงาน”
อย่างไรก็ตาม ดักลาส วิกดอร์ ทนายความของ ทาเรล วูลฟ์ อดีตพนักงานเสิร์ฟที่ฟ้องร้องว่าเคยถูกไวน์สตีนข่มขืนในอพาร์ตเมนต์ ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2548 พูดถึงข้อตกลงนี้ว่าเป็น “การทรยศอย่างเสร็จสมบูรณ์”
พร้อมขยายความว่า ภายใต้ข้อตกลงนี้ “ไวน์สตีนไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ต่อการกระทำต่างๆ ของเขา” อีกทั้งไวน์สตีน ยังไม่ต้องจ่ายเงินของตัวเองสักดอลลาร์ให้แก่การตกลงดังกล่าวนี้ ที่ยังส่งผลป้องกันไม่ให้ผู้ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งไม่ต้องการรับข้อยุตินี้ ให้ไปดำเนินการฟ้องเรียกเงินค่าชดเชยต่อไป ซึ่งวิกดอร์บอกว่า เขาจะคัดค้านข้อตกลงนี้ในชั้นศาล