ศูนย์ปราบลักรถ ยึดเก๋ง-กระบะคืนได้ 13 คัน ทั้งยักยอก-สวมทะเบียน มูลค่ากว่า 5 ล้าน

ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ตำรวจภูธรภาค 4 ตรวจยึดรถยนต์คดียักยอก และรถยนต์สวมทะเบียนหลอกขาย ของกลางรถยนต์ 13 คัน มูลค่าความเสียหายประมาณ 5 ล้านบาท

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 กรกฎาคม ที่ บริเวณหน้าอาคารสำนักงานตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ท. เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผบช.ภาค 4 พล.ต.ต. ยรรยง เวชโอสถ รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต. สุภากร คำสิงห์นอก รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.สมชาย นุ่มโต รอง ผบช.ภ.4 / รองผอ.ศปจร. ภ.4 พ.ต.อ. ออมสิน ตรารุ่งเรือง รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปจร.ภ.4 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการ ศปจร.ภ.4 ร่วมกันแถลงผลการจับกุม ผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการโจรกรรมรถ พร้อมทั้งติดตามรถที่ถูกโจรกรรมในคดี ลักทรัพย์ ยักยอกทรัพย์ หรือรถสวมทะเบียนนำมาหลอกชายให้กับประชาชนในเขตพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 4 เพื่อนำกลับส่งคืนให้กับผู้เสียหายในห้วงเดือนเมษายน 2563 ถึงปัจจุบัน

พล.ต.ท.เจริญวิทย์เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการของศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ได้ดำเนินการออกตรวจ สืบสวน ปราบปราม และจับกุม ในห้วงที่ผ่านมาสามารถตรวจยึดรถยนต์ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิด ซึ่งเป็นรถยนต์ในคดียักยอก และที่มีการสวมทะเบียนหลอกขายให้กับประชาชนทั่วไป ซึ่งขับขี่ใช้งานอยู่ในเขตพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 4 ได้ท้ะงหมด จำนวน 13 คัน รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 5 ล้านบาท

รถยนต์คดี “ยักยอกทรัพย์” จำนวน 1 คัน เป็น รถยนตฺเก๋ง ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น ซีวิค สีขาว ติดป้ายทะเบียน ฌพ 5746 กทม. รถยนต์สวมทะเบียนหลอกขาย จำนวน 12 คัน 1. รถเก๋ง ยี่ห้อ เชฟโรเล็ต สีขาว ทะเบียน 4 กส 5227 กทม. 2. รถเก๋ง นี่ห้อ ฮอนด้า สีขาว ทะเบียน กง 8895 กทม. 3. รถเก๋ง ยี่ห้อ ฮอนด้า สีขาว ทะเบียน 9 กล 1175 กทม. 4. รถเก๋ง ยี่ห้อ ฟอร์ด สีขาว ทะเบียน 1 กก 3775 กทม. 5. รถเก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว ทะเบียน 1กฆ 6953 กทม. 6. รถเก๋ง ยี่ห้อ มาสด้า สีเทา ทะเบียน ฌฏ 2720 กทม. 7. รถเก๋ง ยี่ห้อ ฮอนด้า สีดำ ทะเบียน ฆก 1615 กทม. 8. รถเก๋ง ยี่ห้อ ฮอนด้า สีเทา ทะเบียน สส 2794 กทม. 9. รถกระบะ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีน้ำตาล ทะเบียน บก 2711 มุกดาหาร 10. รถกระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว ทะเบียน 1 ฒร 3788 กทม. 11. รถกระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว ทะเบียน ถง 7734 กทม. 12. รถกระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า สีเทา ทะเบียน ถย 5084 กทม.

Advertisement

พล.ต.ท.เจริญวิทย์ กล่าวต่อว่า พฤติการณ์และลักษณะการกระทำความผิด จะเป็นการกระทำผิดที่เกี่ยวกับการสวมทะเบียน จากแนวทางการสืบสวน อบสวน พบว่ารถยนต์ที่ตรวจยึดได้นั้น จะมาจากกลุ่มแหล่งรับจำนำ กลุ่มฉ้อฉล กลุ่มรถหนีไฟแนนซ์ ซึ่งขบวนการของกลุ่มคนร้ายจำนำรถยนต์จากแหล่งดังกล่าวมาทำการสวมทะเบียนของรถอีกคัน โดยจะใช้ป้ายทะเบียนที่ตรงกันกับลักษณะของรถ ยี่ห้อ รุ่นของรถ และสีของรถ แล้วนำมาหลอกขายให้กับประชาชนทั่วไป ทั้งจากการที่มีนายหน้ามาติดต่อ หรือบุคคลที่รู้จัก หรือจากการประกาศขายผ่านทางสื่อโซเซียล ไลน์ เฟซบุ๊ค ส่วนใหญ่ผู้ที่ซื้อจะซื้อด้วยเงินสด ไม่มีการตรวจสอบข้อมูลทางทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกให้ถูกต้องชัดเจนว่าหมายเลขทะเบียนและหมายเลขตัวถังรถถูกต้องตรงกันหรือไม่ เมื่อมีการตกลงซื้อขายและส่งมอบรถยนต์พร้อมจ่ายเงินสด จากนั้นก็จะไม่สามารถติดต่อนายหน้าหรือผู้ที่นำมาขายได้อีก

พล.ต.ท.เจริญวิทย์ กล่าวอีกว่า ขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ต้องการซื้อรถยนต์มือสอง จากเต้นท์รถมือสอง หรือกลุ่มบุคคลที่ติดตาอประสานนำมาขาย ผ่ายนทางสื่อโซเซียล ไลน์ เฟสบุ๊ค ที่มีการลงโฆษณาไว้นั้น ก่อนตกลงซื้อจะต้องมีการดำเนินการตรวจสอบข้อมูลและข่อเท็จจริงจากตัวรถจริงๆ ไม่ใช่ดูแต่เอกสารหรือภาพถ่ายรถยนต์อย่างเดียว โดยตรวจสอบเบื้องต้น เช่น 1.เลขตัวรถ เลขเครื่องยนต์ ว่ามีการดัดแปลงขูดลบแก้ไขหรือไม่ 2. แผ่ยป้านทะเบียนรถเป็นแผ่นป้ายจริงหรือไม่ 3. สำเนาคู่มือจดทะเบียนรถมีรายละเอียดเลขตัวรถ เลขเครื่องยนต์ตรงกับตัวรถจริงหรือไม่ 4. แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีประจำปีมีร่องรอยการขูดลบแก้ไขหรือไม่ 5. นำไปตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกว่ามีการจดทะเบียนที่ถูกต้องตามทะเบียนที่ติดอยู่กับตัวรถในขณะที่มีการนำมาเสนอขายหรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image